Internet Protocol version 6 (IPv6)

PlAwAnSaI

Administrator
create_badge.php


Why a new IP?
  • more devices
  • many users
  • Always-on access technologies
  • www.facebook.com/IPv6Thailand
  • IPv6 e-book ฉบับภาษาไทย - ความรู้ IPv6 พื้นฐานสำหรับผู้ดูแลระบบ
    www.ipv6.ega.or.th/res/IPv6book20140826.pdf
    www.ncit.navy.mi.th/upload/pdf/IPv6book.pdf
การเตรียมความพร้อมในการเชื่อมต่อเข้าสู่ Internet ยุคหน้า, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ IPv6 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป, ความเป็นมาของ Internet


Code:
http://www.ipv6.nectec.or.th/articles.php


ความเป็นมา


Code:
http://203.172.130.100/nfe_webkm/display_directory_view.php?enc_id=420




Code:
http://www.6deploy.eu/index.php?page=20100823_bangkok



สารพันคำถามเกี่ยวกับ IPv6

IPv6 คืออะไร:

กลไกสำคัญในการทำงานของ Internet คือ Internet Protocol (ส่วนประกอบสำคัญของ Internet Protocol ได้แก่ หมายเลข Internet Address หรือ IP address ที่ใช้ในการอ้างอิงเครื่อง Computer และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ บน Internet ทั่วโลก เปรียบเสมือนการใช้งานโทรศัพท์ ในการติดต่อสื่อสารกัน จะต้องมีเลขหมายเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้อ้างอิงผู้รับสายได้ Computer ทุกเครื่องใน Internet ก็ต้องมีหมายเลข IP Address ที่ไม่ซ้ำกับใคร

หมายเลข IP address ที่เราใช้กันทุกวันนี้ คือ Internet Protocol version 4 (IPv4) ซึ่งเราใช้เป็นมาตรฐานในการส่งข้อมูลในเครือข่าย Internet ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ทั้งนี้การขยายตัวของเครือข่าย Internet ในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว นักวิจัยเริ่มพบว่าจำนวนหมายเลข IP address ของ IPv4 กำลังจะถูกใช้หมดไป ไม่เพียงพอกับการใช้งาน Internet ในอนาคต และหากเกิดขึ้นก็หมายความว่าเราจะไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายเข้ากับระบบ Internet เพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นคณะทำงาน IETF (The Internet Engineering Task Force) ซึ่งตระหนักถึงปัญหาสำคัญดังกล่าว จึงได้พัฒนา Internet Protocol รุ่นใหม่ขึ้น คือ รุ่นที่หก (Internet Protocol version 6; IPv6) เพื่อทดแทน Internet Protocol รุ่นเดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของตัว Protocol ให้รองรับหมายเลข Address จำนวนมาก และปรับปรุงคุณลักษณะอื่นๆ อีกหลายประการ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ และความปลอดภัย รองรับระบบ Application ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล Packet ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองต่อการขยายตัว และความต้องการใช้งาน Technology บนเครือข่าย Internet ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ทำไมจึงต้องเริ่มใช้ IPv6:

ประโยชน์หลักของ IPv6 เป็นเหตุผลสำคัญของการเริ่มใช้ ได้แก่ จำนวน IP address ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวน IP address เดิมภายใต้ IPv4 ซึ่งมี 32 Bit ในขณะที่ IPv6 address มี 128 Bit ความแตกต่างของจำนวน IP address มีมากถึง 2^96 ถ้าจะเขียนจำนวน IPv6 ทั้งหมดออกมาก็คือ 34 ตามด้วย 0 อีก 37 ตัว

ความสำคัญของการมี IP address ที่ไม่ซ้ำกันและสามารถเห็นกันได้ทั่วโลก จะช่วยผลักดันการพัฒนา แอพพลิเคชั่นแบบ peer-to-peer ที่ต้องการ IP address จริงเป็นจำนวนมาก เช่น การทำ file sharing, instant messaging, และ online gaming แอพพลิเคชั่นเหล่านี้มีข้อจำกัดภายใต้ IPv4 address เนื่องจากผู้ใช้บางส่วนที่ได้รับจัดสรร IP address ผ่าน NAT (Network Address Translation) ไม่มี IP address จริง จึงไม่สามารถใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้ครบ function

สำหรับองค์กรหรือบริษัทห้างร้านต่างๆ การมี IP address จริง อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อย่างไรก็ตามหน่วยงานเหล่านี้ควรมีความเข้าใจถึงข้อจำกัดของการใช้ NAT นั่นก็คือ การใช้ IP address ปลอม อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในอนาคตหากต้องมีการรวมเครือข่ายสองเครือข่ายที่ใช้ IP address ปลอมทั้งคู่ อีกทั้ง การใช้ IP address ปลอม เป็นการปิดโอกาสที่จะใช้แอพพลิเคชั่นหรือบริการแบบ peer-to-peer เช่น IPsec ในอนาคต

[/li]
[li]เมื่อไหร่เราจะต้องเริ่มใช้ IPv6

ความจริงแล้วส่วนประกอบหลักๆ ของโพรโตคอล IPv6 ได้ถูกกำหนดขึ้นเรียบร้อยและออกเป็น RFC (Request For Comments) อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 แล้ว ยังคงเหลือในส่วนความสามารถและคุณลักษณะปลีกย่อย เช่น การจัดสรรชุดหมายเลข IPv6 การทำ multi-homing หรือการทำ network management ที่ยังต้องรอการกำหนดมาตรฐาน แต่ในส่วนนี้ไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฮาร์ดแวร์ หรือซอฟท์แวร์มากนัก

จะว่าไปแล้ว IPv6 ถูกเริ่มใช้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในต่างประเทศ เช่น เกาหลี และญี่ปุ่น ได้มีการใช้ IPv6 ในเครือข่าย ISP หลายแห่ง ในประเทศไทยยังไม่มีการใช้ IPv6 ในเชิงพาณิชย์ มีแต่ในเครือข่ายทดสอบของหน่วยงานวิจัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ

หากจะถามว่าเมื่อไหร่จึงจะต้องเริ่มใช้ IPv6 คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นในด้านต่างๆ ของผู้ใช้และผู้ให้บริการเอง ความจำเป็นประการแรกคือการขาดแคลนหมายเลข IP address สิ่งนี้น่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับประเทศในเอเชีย เช่น เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงกว่าหมายเลข IPv4 address ที่ได้รับจัดสรรมา สำหรับประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ความจำเป็นด้านนี้ยังไม่สูงมาก เนื่องจากยังมีหมายเลข IPv4 address เหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก ความจำเป็นประการที่สอง ได้แก่ ความต้องการบริการหรือแอพพลิเคชั่นชนิดใหม่ที่ต้องใช้หมายเลข IPv6 address ตัวอย่างเช่น การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Phone) หรือการใช้แอพพลิเคชั่นแบบ peer-to-peer อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ให้บริการ การรอจนกระทั่งความจำเป็นดังกล่าวมาถึง โดยไม่ได้มีการวางแผนการปรับเปลี่ยนเครือข่ายล่วงหน้า อาจทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเสียโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจได้

[/li]
[li]IPv6 จะถูกเริ่มใช้ที่ไหนก่อน

ประเทศในทวีปเอเชีย และยุโรป มีความตื่นตัวในการปรับเปลี่ยนเครือข่ายมากกว่าประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลน IPv4 address บริษัทผู้นำทางด้านเทคโนโลยี IPv6 ล้วนตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้ รัฐบาลประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีต่างให้การสนับสนุนและผลักดันภาคเอกชน ให้หันมาให้บริการ IPv6 ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น อีกทั้งประเทศใหญ่ๆ อย่างเช่น จีน ก็คาดว่าจะเริ่มหันมาเอาจริงเอาจังในด้านนี้ ด้วยจำนวนประชากรและสถานะทางเศรษฐกิจที่บังคับ

นอกจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์แล้ว บริการทางเครือข่ายที่จำเป็นต้องใช้ IPv6 อย่างเช่นบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ก็อาจเป็นจุดแรกของการเริ่มนำ IPv6 มาใช้ หรือการพัฒนาเครือข่ายภายในบ้านสำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับการนำ IPv6 มาใช้ การสำรวจพบว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างให้ความสนใจที่จะผนวกหมายเลข IPv6 address เข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าของตน

[/li]
[li]เราควรนำ IPv6 มาใช้อย่างไร

การนำ IPv6 มาใช้ ควรจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลจะส่งผลกระทบต่อเครือข่ายทั่วโลกที่เชื่อมต่อกันอยู่ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนไปสู่เครือข่าย IPv6 ล้วน อาจใช้ระยะเวลาเป็นปี เพราะเหตุนี้ ทาง IETF จึงเสนอทางออก เพื่อช่วยในการทำงานร่วมกันระหว่าง IPv4 และ IPv6 ในระหว่างที่เครือข่ายบางแห่งเริ่มมีการปรับเปลี่ยน

ในช่วงแรก การใช้งาน IPv6 อาจอยู่ในวงแคบ ดังนั้นเราต้องการเทคนิคเพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายที่เป็น IPv6 เข้ากับเครือข่าย IPv4 หรือเครือข่าย IPv6 อื่น เทคนิคการทำงานร่วมกันระหว่าง IPv4 และ IPv6 แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ



[li]การทำ dual stack - เป็นวิธีพื้นฐานที่สุด ทำงานโดยใช้ IP stack สองอันคือ IPv4 stack และ IPv6 stack ทำงานควบคู่กัน เมื่อใดที่แอพพลิเคชั่นที่ใช้เป็น IPv4 ข้อมูลแพ็กเก็ตก็จะถูกส่งออกผ่านทาง IPv4 stack เมื่อใดที่แอพพลิเคชั่นที่ใช้เป็น IPv6 ข้อมูลแพ็กเก็ตก็จะถูกส่งออกผ่านทาง IPv6 stack การทำ dual stack เป็นทางออกที่ง่ายที่สุด แต่ไม่ใช่ long term solution เนื่องจากยังจำเป็นต้องใช้ IPv4 address ที่โฮสต์หรือเร้าท์เตอร์ที่ใช้ dual stack นั้น[/li]
[li]การทำ tunneling - เป็นอีกวิธีที่ใช้กันแพร่หลาย เพราะเหมาะสมกับการสื่อสารระหว่างเครือข่าย IPv6 ผ่านเครือข่าย IPv4 การส่งข้อมูลทำได้โดยการ encapsulate IPv6 packet ภายใน IPv4 packet ที่ tunneling gateway ก่อนออกไปยังเครือข่าย IPv4 ที่ปลายทาง ก่อนเข้าไปสู่เครือข่าย IPv6 ก็จะต้องผ่าน tunneling gateway อีกตัว ซึ่งทำหน้าที่ decapsulate IPv6 packet และส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง จะเห็นได้ว่าการทำ tunneling นี้จะใช้ไม่ได้สำหรับการสื่อสารโดยตรงระหว่างเครื่องในเครือข่าย IPv6 และเครื่องในเครือข่าย IPv4[/li]
cool.gif
[/list]
 

ProfessorX

Administrator
มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจาก ได้ไอพีเยอะกว่าเดิมมั้ยอ่า
 

PlAwAnSaI

Administrator
[li]การทำ translation - การทำ translation

จะช่วยในการสื่อสารระหว่างเครือข่าย IPv6 และ IPv4 เทคนิคการทำ translation

มีสองแบบ แบบแรก คือ การแปลที่ end host โดยเพิ่ม translator function

เข้าไปใน protocol stack โดยอาจอยู่ที่ network layer, TCP layer, หรือ

socket layer ก็ได้ แบบที่สอง คือ การแปลที่ network device โดยจะต้องใช้

gateway ทำหน้าที่เป็น IPv6-IPv4 และ IPv4-IPv6 translator

อยู่ที่ทางออกที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย IPv6 และ IPv4[/li][/list]

ทั้งนี้หลังจากการปรับเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์

เมื่อเครือข่ายต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เป็น IPv6 ทั้งหมด

เราจะสามารถทำการสื่อสารโดยใช้โพรโตคอล IPv6 โดยตรง

ซึ่งเราเรียกการสื่อสารลักษณะนี้ว่า native IPv6 network

[/li]
[li]การลงทุนปรับเปลี่ยนเครือข่ายไปสู่เครือข่าย IPv6 มีค่าใช้จ่ายเท่าไร

การปรับเปลี่ยนเครือข่ายไปสู่เครือข่าย

IPv6 ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง ผู้ผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เร้าท์เตอร์

และสวิตช์ ในปัจจุบันรองรับเทคโนโลยี IPv6 อยู่แล้ว

เพียงแต่ผู้ใช้อาจยังไม่ได้เลือกใช้ option นี้

สำหรับอุปกรณ์รุ่นเก่าที่อาจไม่ได้รองรับเทคโนโลยี IPv6 ตั้งแต่แรกนั้น

ผู้ใช้สามารถ upgrade firmware หรือ software ระบบได้ไม่ยาก

ดังนั้นการปรับเปลี่ยนเครือข่ายไปสู่เครือข่าย IPv6

จึงไม่ได้หมายความว่าจะต้องกำจัดอุปกรณ์เก่าทิ้งและซื้ออุปกรณ์ใหม่หมด

อย่างไรก็ตาม

การลงทุนที่สำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้

เห็นจะเป็นการลงทุนพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีความรู้ความชำนาญในการดูแล

และจัดการระบบเครือข่าย IPv6 แต่ในท้ายที่สุดแล้ว

การลงทุนเหล่านี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เนื่องจาก IPv6

จะช่วยลดการใช้แรงงานคนในการบริหารจัดการเครือข่าย

ช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

และยังช่วยเพิ่มรายได้จากการให้บริการชนิดใหม่ๆ เช่น QoS IPSec และ

multicast บนเครือข่ายได้อีกด้วย

[/li]
[li]เราสามารถแจก IPv6 address ให้กับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้จริงหรือ

จริงอยู่ว่า

IPv6 สามารถแจกจ่ายหมายเลขไอพีได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาล

บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์หลายรายต้องการกำหนดหมายเลขไอพีให้กับอุปกรณ์ของตน

โดยไม่ได้คำนึงถึงความสามารถในการเชื่อมต่อกับเครือข่าย

จึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในการกำหนดหมายเลข

IPv6 address ให้กับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งของที่ไม่ต้องการการสื่อสารผ่านเครือข่าย

แม้ว่าเราสามารถใช้

IPv6 เพื่อระบุสิ่งของต่างๆ แต่เทคโนโลยี RFID ที่กำลังได้รับความนิยม

ก็สามารถทำได้ เทคโนโลยี RFID นั้น ถูกมองว่าจะมาแทนที่การใช้บาร์โค้ด

ในการระบุข้อมูลของสิ่งของต่างๆ โดยการติดป้าย RFID แทนเครื่องหมายบาร์โค้ด

ตามบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งสามารถอ่านได้โดย RFID Reader

และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสามารถทำได้ผ่านตัว RFID Reader นี้

ขณะนี้ได้มีการพัฒนาเพื่อนำ

RFID และ IPv6 address มาใช้ร่วมกัน

ซึ่งคาดว่าจะเป็นการทำให้เกิดแอพพลิเคชั่นชนิดใหม่ ที่ใช้การสื่อสารผ่าน

RFID Reader

[/li]
[li]เมื่อไหร่เราจึงจะบอกได้ว่าอุปกรณ์เร้าท์เตอร์สามารถรองรับการทำงานของ IPv6

เร้าท์เตอร์เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้ประมวลผล

IP แพ็กเก็ตและส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง

เร้าท์เตอร์สามารถรองรับการทำงานของ IPv6 ได้ ก็ต่อเมื่อมันสามารถอ่าน

header ของ IPv6 แพ็กเก็ตเข้าใจ

และสามารถหาเส้นทางในการส่งแพ็กเก็ตนั้นต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้

ในปัจจุบัน เร้าท์เตอร์ที่รองรับการทำงานของ IPv6 มักจะรองรับการทำงานของ

IPv4 ด้วย จึงมักเรียกกันว่า IPv6/IPv4 dual stack router

เร้าท์เตอร์มีหลายประเภท

และมีความสามารถแตกต่างกันออกไป โพรโตคอลหาเส้นทาง (routing protocol)

ที่รองรับก็มีหลายประเภท เพื่อความแน่ใจควรตรวจสอบก่อนว่า เร้าท์เตอร์นั้นๆ

รองรับการทำงานของ IPv6 บนโพรโตคอลหาเส้นทางตัวไหน (เช่น RIP, OSPF, BGP,

PIM-SM) นอกจากนี้ ควรตรวจสอบการรองรับความสามารถพิเศษอื่นๆ ของ IPv6 เช่น

การทำ QoS และการทำ tunneling เพื่อใช้ในเครือข่ายผสม IPv4/IPv6

[/li]
[li]ได้ยินมาว่าหมายเลขชุด IPv6 ที่แจกจ่ายอยู่ขณะนี้จะต้องโดนเรียกคืนในอนาคต จริงหรือ

ตามปกติแล้วผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตามบ้าน

จะไม่ได้รับหมายเลขชุด IPv6 โดยตรงจาก Internet registries

แต่จะได้รับการแจกจ่ายผ่านทาง ISP โดยที่ทาง ISP จะเป็นผู้จัดสรรหมายเลขชุด

IPv6 ให้กับบ้านเรือนหรือองค์กรต่างๆ ที่เป็นลูกค้า ดังนั้น

ก็สามารถพูดได้ว่า ผู้ใช้จำเป็นต้องคืนหมายเลขชุด IPv6 ให้กับ ISP

เมื่อไม่ได้เป็นลูกค้าแล้ว สำหรับ ISP ก็เช่นกัน หมายเลขชุด IPv6

จะได้รับจัดสรรมาจาก Internet registries ตามแต่ละภูมิภาค เช่น APNIC,

ARIN, LACNIC, RIPE เมื่อหมายเลขชุดใดไม่มีการใช้งาน Internet registries

เหล่านี้ ก็อาจเรียกคืนได้

แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดมาตรการในการเรียกคืนหมายเลขชุด IPv6

[/li]
[li]ถ้าหมายเลข IP ในปัจจุบันมีไม่เพียงพอ แล้วหมายเลข MAC address 48 บิต ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน จะมีปัญหาการขาดแคลนหรือไม่

หมายเลข

MAC address มี 48 บิต 24 บิตแรก เรียกว่า Company ID

ใช้ระบุบริษัทผู้ผลิต Network Interface Card ฮาร์ดแวร์

ซึ่งมีองค์กรกลางเป็นผู้แบ่งสรร 24 บิตหลัง ใช้ระบุตัวอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์

ซึ่งบริษัทผู้ผลิตสามารถกำหนดหมายเลขได้เอง อย่างไรก็ตามไม่ได้แปลว่า

แต่ละบริษัทสามารถผลิต NIC ฮาร์ดแวร์ได้เพียงแค่ 2^24 หรือ 16.8

ล้านชิ้นเท่านั้น แต่ละบริษัทสามารถขอ Company ID เพิ่มได้หลายหมายเลข

ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้ว ประเด็นการขาดแคลน MAC address

อาจไม่ได้อยู่ที่การจัดสรรจำนวนบิตภายใต้ของเขตของ 48 บิต

แต่อาจอยู่ที่อายุการใช้งานของหมายเลข 48 บิตเหล่านี้

ในการพิจารณาอายุการใช้งานของหมายเลข

MAC address ลงสมมติว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดต้องการ MAC address

จากการสอบถามบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าพบว่า

ในแต่ละปีบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประมาณ 1 พันล้านชิ้น ถ้าคิดง่ายๆ

ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้นมีอายุการใช้งาน 50 ปี (แปลว่าหมายเลข MAC

address ไม่ควรใช้ซ้ำภายใน 50 ปี) และทดลองคูณเผื่อไปอีก 20 เท่า

เราจะพบว่าความต้องการ MAC address ของบริษัทหนึ่งแห่งในเวลา 50 ปี

มีประมาณ 1 ล้านล้านหมายเลข ทั้งนี้หมายเลข 48 บิตของ MAC address

ในปัจจุบันเพียงพอที่จะรองรับได้ถึง 280 บริษัท

ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมากพอสมควร

หาก MAC address

ประสบปัญหาการขาดแคลนจริงๆ จะเกิดผลกระทบไม่เฉพาะกับ IPv6 เท่านั้น

แต่ยังกระทบไปถึงเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Ethernet, FDDI

อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นอาจอยู่ในวงแคบเนื่องจากโดยปกติแล้ว

uniqueness ของ MAC address มีความจำเป็นแค่บนแต่ละ LAN segment และแต่ละ

LAN segment ก็มักจะมีอุปกรณ์ได้ไม่เกิน 200 ชิ้น ดังนั้นปัญหาการขาดแคลน

MAC address จึงไม่เป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่

[/li]
[li]มีคนพูดกันว่า IPv6 สามารถแจกจ่ายหมายเลข IP ได้มากมายไม่จำกัดจำนวน เป็นไปได้จริงหรือ

หมายเลข

IPv6 address นั้นมิได้มีมากมายไม่จำกัด โดยจำกัดอยู่ที่ 3.4x10^38

หมายเลข หากเปรียบเทียบกับ หมายเลข IPv4 address แล้ว หมายเลข IPv6 address

มีจำนวนมากกว่าถึง 2^96 (7.92x10^28)

ซึ่งตัวเลขเหล่านี้มากมายเกินกว่าจะจินตนาการได้

ดังนั้นเราจึงได้ยินคนพูดกันเสมอว่า IPv6 สามารถจัดสรรหมายเลข IP

ได้เกือบไม่จำกัดจำนวน

[/li]
[li]IPv6 จะทำให้อินเทอร์เน็ตเร็วขึ้นหรือไม่

IPv6

ในตัวมันเองนั้นไม่ได้เร็วไปกว่า IPv4 เพียงแต่ว่า IPv6

มีคุณลักษณะพิเศษบางประการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสาร

ตัวอย่างเช่น IPv6 header มีขนาดเดียวกัน (fixed length)

ทำให้เร้าท์เตอร์ประมวลผลแพ็กเก็ตได้เร็วขึ้นกว่าการประมวลผล IPv4 header

ซึ่งมีความยาวแปรเปลี่ยน นอกจากนี้ IPv6 ยังมีการทำ route aggregration

ซึ่งเป็นการจัดสรรชุดหมายเลข IPv6 ตามลำดับขั้นของการเชื่อมต่อ

ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างหมายเลขชุด IPv6 และภูมิลักษณะของเครือข่าย

ช่วยลดภาระในการคำนวณเส้นทางภายในเครือข่ายได้

[/li]

 

PlAwAnSaI

Administrator
[li]ทำไมหมายเลข IPv6 address จึงมีความยาวแตกต่างกัน

หมายเลข IPv6

มี 128 บิต ประกอบไปด้วย กลุ่มตัวเลข 8 กลุ่ม เขียนขั้นด้วยเครื่องหมาย ":"

โดยแต่ละกลุ่มคือเลขฐาน 16 จำนวน 4 ตัว (16 บิต) เช่น

40ff:096c:2020:0000:0000:0000:00ba:2345
0000:0000:0000:0000:0000:0000:0000:0002
0fd1:0000:0000:0000:0311:4d00:0fd7:283f
3112:0000:0000:450f:0000:0000:0000:0432

ทั้งนี้สามารถเขียนย่อได้ โดยมีเงื่อนไขคือ


[li]หากมีเลขศูนย์ด้านหน้าของกลุ่มใด สามารถจะละไว้ได้[/li]
[li]หากกลุ่มใดเป็นเลขศูนย์ทั้ง 4 ตัว (0000) สามารถเขียนแทนด้วย "0"[/li]
[li]หากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

(หรือหลายกลุ่มที่ตำแหน่งติดกัน) เป็นเลขศูนย์ทั้งหมด สามารถจะละไว้ได้

โดยใช้เครื่องหมาย "::" แต่จะสามารถทำลักษณะนี้ได้ในตำแหน่งเดียวเท่านั้น

เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน[/li][/list]


หากใช้สองเงื่อนไขแรก เราสามารถเขียนหมายเลข IPv6 ข้างต้นได้ดังนี้

40ff:96c:2020:0:0:0:ba:2345
0:0:0:0:0:0:0:2
fd1:0:0:0:311:4d00:fd7:283f
3112:0:0:450f:0:0:0:432

หากใช้เงื่อนไขที่สาม เราสามารถเขียนหมายเลข IPv6 ข้างต้นได้ดังนี้

40ff:96c:2020::ba:2345
::2
fd1::311:4d00:fd7:283f
3112:0:0:450f::432

จะเห็นได้ว่าเราสามารถเขียนหมายเลข

IPv6 ได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธี มีความยาวแตกต่างกันไป ซึ่งบางครั้งหมายเลข

IPv6 อาจมีหมายเลข IPv4 แทรกอยู่ ในกรณีนี้

เราสามารถเขียนในลักษณะที่คงสภาพหมายเลข IPv4 อยู่ได้ เช่น

0:0:0:0:0:0:172.16.1.1
0:0:0:0:0:1111:172.16.1.1

สามารถเขียนย่อได้เป็น

::172.16.1.1
::1111:172.16.1.1

[/li]
[li]ตัวเลข /48 หรือ /64 ที่อยู่หลังหมายเลข IPv6 address หมายถึงอะไร

หมายถึงความยาวในหน่วยบิตของหมายเลข

prefix (หมายเลข prefix มีไว้เพื่อระบุหมายเลขของเครือข่าย) หาก prefix มี

64 บิต แปลว่ามีเหลืออีก 64 บิต (128-64 = 64)

เป็นหมายเลขที่ระบุอุปกรณ์แต่ละตัวในเครือข่ายนั้น (interface ID)

ตัวอย่างเช่น

fd1:214:f7e:2111::1/64 มี prefix คือ fd1:214:f7e:2111:: และ interface ID คือ 1

fd1:214:f7e:2111::2/64 มี prefix คือ fd1:214:f7e:2111:: และ interface ID คือ 2
(แปลว่าอยู่ภายใต้เครือข่ายเดียวกับอุปกรณ์ตัวแรก)

fd1:214:f7e:3111::1/48 มี prefix คือ fd1:214:f7e:: และ interface ID คือ 3111::1

โดยทั่วไปหมายเลขชุด

IPv6 ที่ได้รับแบ่งสรรจาก ISP มักจะมี prefix 48 บิต ส่วนที่เหลืออีก 80

บิต มักถูกแบ่งออกเป็นหมายเลข subnet ID 16 บิต และหมายเลขอุปกรณ์

(interface ID) 64 บิต ตัวอย่างเช่น 3112:371:31:2111::/64 และ

3112:371:31:3111::/64 อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน (เพราะมีเลข 48

บิตแรกเหมือนกัน - 3112:371:31:: ) แต่ต่าง subnet (subnet 2111 และ subnet

3111)

48 บิต|16 บิต|64 บิต
prefix|subnet ID|interface ID

[/li]
[li]เราจำเป็นต้องเลิกใช้ IPv4 เพื่อเปลี่ยนมาใช้ IPv6 หรือไม่

ไม่จำเป็น

[/li]
[li]การเซ็ท DHCPv6 เพื่อแจกจ่าย IPv6 address ทำอย่างไร

การแจกจ่าย

IPv6 address มี 2 วิธีคือ Stateful auto-configuration และ Stateless

auto-configuration การใช้ DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol)

เป็นวิธีของ Stateful auto-configuration คือ DHCP server

จะต้องจดจำหมายเลข address ที่แจกจ่ายออกไป เพื่อจะได้ไม่แจกหมายเลขซ้ำกัน

DHCP เป็นวิธีที่นิยมใช้ใน IPv4 แต่ไม่เป็นที่นิยมใน IPv6 เนื่องจาก IPv6

ได้รับการออกแบบเพื่อใช้งาน address auto-configuration แบบ Stateless

อย่างมีประสิทธิภาพกว่า หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ DHCPv6

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

http://www.hycomat.co.uk/dhcp

สำหรับการแจก

address แบบ stateless นั้น ตัวเซิฟเวอร์ไม่ต้องจำหมายเลข address

ที่แจกจ่ายออกไป อาจใช้การสุ่มหมายเลขเพื่อแจกจ่าย (เนื่องจาก IPv6 address

มีถึง 128 บิต โอกาสที่จะสุ่มเจอหมายเลขซ้ำจึงน้อย) และใช้โพรโตคอล DAD

(Duplicate Address Detection)

เป็นตัวตรวจสอบว่าหมายเลขที่แจกออกไปซ้ำกับเครื่องไหนหรือไม่

ทางโครงการได้ทดลองใช้เครื่องมือที่เรียกว่า radvd (Router Advertisement

Daemon) สำหรับทำ Stateless address configuration เพียงแค่ client enable

ipv6 ก็จะสามารถได้รับแจก IPv6 address จากตัวเกตเวย์ที่ทำการแจก

[/list]


Code:
ตัวอย่างไฟล์ config radvd

#vi /etc/radvd.conf

interface eth0 {
AdvSendAdvert on; MinRtrAdvInterval 3;
MaxRtrAdvInterval 10;
prefix 400f:0000:1211:0212::/64 {
AdvOnLink on;
AdvAutonomous on;
AdvRouterAddr on;
};
};



นอกจากนั้น ยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://v6web.litech.org/radvd


[li]web server สำหรับ IPv6 ติดตั้งอย่างไร

apache เวอร์ชั่น 2

ขึ้นไปจะ support IPv6 เพียงแต่ติดตั้งตัวเครื่องนั้นให้สนับสนุน IPv6

ซึ่งเวปโครงการฯ ได้ติดตั้ง web server IPv6 และสามารถเข้าถึงได้ทั้งจาก

IPv4 และ IPv6

[/li]
[li]สามารถใช้ Tools อะไรได้บ้างในการสร้าง web page

สามารถใช้

Tools ทั่วๆ ไปในการใช้สร้าง web page เช่นเดียวกับการสร้าง web page

ที่ทำงานบน IPv4 โดยเลือกใช้ได้ตามความถนัดของผู้พัฒนาเวป

[/li]
[li]web server ที่ติดตั้งขึ้นจะรองรับการทำงานแบบ dynamic หรือไม่

การทำงานของ

web server ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของไอพี หากติดตั้ง web server

และทำการ compile ให้ใช้งาน php, asp ได้ ไม่ว่าเวอร์ชันไหนๆ

ก็สามารถทำงานได้

[/li]
[li]หมายเลข IPv4 จะหมดไปจากโลกนี้จริงๆ หรือ

หมายเลข IPv4

ที่มีความยาว 32 บิตนั้น สามารถแตกออกมาได้ทั้งหมดประมาณ สี่พันล้านหมายเลข

ซึ่ง สองพันห้าร้อยล้านหมายเลขนั้นได้ถูกแจกจ่ายใช้ไปแล้วทั่วโลก

อีกหนึ่งพันหน้าร้อยล้านหมายเลขนั้นแม้จะดูว่าเหลือเฟือ แต่การกำหนดหมายเลข

IP นั้น ใช่ว่าจะสามารถกำหนดให้ใช้ได้ทุกหมายเลข

บางหมายเลขก็โดนจองไว้เพื่อใช้ในกรณีพิเศษ หรือเพื่อช่วยในการทำ routing

ตัวอย่างเช่น host address ที่เป็น 111...1 จะเป็น broadcast address หรือ

000...0 จะเป็น network address เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นว่ามีหมายเลข IPv4

จำนวนมากที่ต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
นอกจากนี้เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรบนโลกนี้แล้ว

จำนวนหมายเลขที่เหลือนั้นยังไม่พอแจกจ่ายให้กับทุกคนบนโลกนี้ด้วยซ้ำ

(จำนวนประชากรโลกในปี 2009 ประมาณ 6,932,500,000 คน ตัวเลขจาก United

States Census International Programs Center)

จริงอยู่ว่าไม่ทุกคนบนโลกนี้ที่ต้องการหมายเลข IP เป็นของตัวเอง

แต่แนวโน้มของการใช้อุปกรณ์ที่มี IP address ต่อคนก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ

[/li]
[li]เมื่อไหร่ที่หมายเลข IPv4 จะหมดไปจากโลกนี้

มีการประมาณการว่า

Regional Internet Registries (RIR)

หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการแจกจ่ายหมายเลข IP address เช่น APNIC, LACNIC,

ARIN จะไม่มี IPv4 address เหลือพอแจกจ่ายภายในปี 2005-2020 อย่างไรก็ตาม

เป็นการยากที่จะคาดการณ์ดังกล่าวได้แม่นยำ เนื่องจากในช่วงหลังนี้ทาง RIR

ไม่ได้แจกจ่าย IPv4 address อย่างฟุ่มเฟือยเหมือนเดิม

[/li]
[li]NAT (Network Address Translation) น่าจะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนหมายเลข IPv4 ไม่ใช่หรือ

จริงอยู่ว่าการใช้

NAT จะช่วยเพิ่มจำนวนโฮสต์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้

โดยสามารถมีโฮสต์จำนวนมาก เชื่อมต่ออยู่ภายใต้ Public IP address 1 หมายเลข

จึงเท่ากับว่าเป็นทางออกในการแก้ปัญหาขาดแคลน IPv4 address
อย่างไรก็ตาม

NAT ทำให้เกิดปัญหาที่สำคัญตามมาด้วย นั่นก็คือ เมื่อใช้ NAT

ลักษณะการเชื่อมต่อจะไม่เป็นแบบ end-to-end อีกต่อไป

จุดปลายทางของการเชื่อมต่อแทนที่จะเป็นโฮสต์ กลับกลายเป็นตัว NAT router

การสื่อสารจะเป็นลักษณะทางเดียว จากโฮสต์ข้างหลัง NAT router

ไปยังเซิฟเวอร์/โฮสต์ข้างนอก แต่ไม่สามารถสื่อสารในทางกลับกันได้

โฮสต์ที่อยู่ข้างหลัง NAT router จะมองไม่เห็นจากภายนอก

จึงไม่สามารถให้บริการเป็นเซิฟเวอร์ หรือบริการ peer-to-peer อื่นๆ เช่น

Voice-over-IP, Online Gaming ได้ ผลกระทบอย่างอื่น เช่น การใช้งาน IPSec

เป็นไปได้ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจาก NAT router จำเป็นต้องแก้ไข

packet header ดังนั้นข้อมูลใน packet จึงไม่ถือว่าสมบูรณ์และปลอดภัย

[/li]
[li]IPv6 มีใช้งานจริงๆ หรือยัง

มีแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี

ISP ได้เริ่มให้บริการ IPv6 ในเชิงพาณิชย์มานานแล้ว หลายประเทศในเอเชีย

เช่น จีน ไต้หวัน มาเลเซีย ก็เริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจัง

ถึงขนาดมีนโยบายระดับชาติที่จะสนับสนุนการใช้งาน IPv6 ยุโรปก็เช่นกัน

ดูเหมือนว่าอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่ต้นกลับช้ากว่าประเทศอื่นๆ

ในเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะว่าอเมริกายังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลน IP address

เท่ากับประเทศอื่นในเอเชียและยุโรป

[/li]
[/list]
 

PlAwAnSaI

Administrator

[li]ในประเทศไทยมี ISP รายไหนให้บริการ IPv6 บ้างหรือยัง

ISP ในประเทศไทยที่ได้รับการจัดสรร IPv6 address มีดังนี้

ลำดับที่|หน่วยงาน/องค์กรผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต|IPv6 address from APNIC
1.|CAT|2001:c38::/32
2.|TOT|2001:ec0::/32
3.|InternetThailand|2001:c00::/32
4.|AsiaInfonet|2001:fb0::/32
5.|NECTEC|2001:f00::/32
6.|UniNet|2001:3c8::/32

[/li]
[li]ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ IPv6 ของ ISP ต่างๆ ในประเทศไทย จะหาได้จากที่ไหน

เวบไซต์เหล่านี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าและบริการด้าน IPv6 ของ ISP แต่ละแห่ง[/li][/list]



Code:
http://www.hgw6.cattelecom.net




Code:
http://www.ipv6.nectec.or.th




[li]ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้ IPv6 แล้วเราจะยังติดต่อกับเครือข่าย IPv4 ได้หรือไม่

เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้แต่ IPv6 จะไม่สามารถติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้แต่ IPv4 ได้โดยตัวมันเอง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีหลายวิธีที่จะช่วยในการแปลงข้อมูลระหว่างทั้งสองโพรโตคอล เพื่อช่วยให้การปรับเปลี่ยนเครือข่ายทำได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้ NAT-PT, tunneling หรือแม้แต่ dual-stack ดังนั้นคำตอบสำหรับคำถามนี้อาจเป็น "ได้" หากเราพิจารณาความสามารถของเครือข่ายในการเป็นตัวกลางช่วยในการติดต่อระหว่างโพรโตคอลทั้งสอง
เราอาจจำแนกความต้องการติดต่อข้ามโพรโตคอลได้สองแบบ แบบแรกคือการใช้งาน IPv6 (ระหว่างโฮสต์ IPv6 สองตัว) ที่จำเป็นต้องผ่านบางเครือข่ายที่เป็น IPv4 แบบที่สองคือการที่โฮสต์ IPv6 ต้องการติดต่อกับโฮสต์ IPv4 โดยตรง
ในแบบแรก เราสามารถใช้เทคนิคประเภท Tunneling มาช่วยได้ เช่น 6to4 tunnel, ISATAP, tunnel broker, หรือ manually configured tunnel โดยที่ข้อมูล IPv6 packet จะถูกซ่อนอยู่ภายใต้ IPv4 packet เวลาส่งผ่านเครือข่าย IPv4
ในแบบที่สอง วิธีการจะค่อนข้างยุ่งยากกว่า เนื่องจากต้องมีการแปลง address และแปลงโพรโตคอล เทคนิคเหล่านี้ได้แก่ NAT-PT (Network Address Translation-Protocol Translation), TRT (Transport Relay Translator), DSTM (Dual-Stack Transition Mechanism) ซึ่งวิธีเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่และไม่รับประกันว่าจะสามารถใช้งานได้กับแอพพลิเคชั่นทุกชนิด
สรุปแล้ว ในส่วนของผู้ใช้ หากต้องการเปลี่ยนมาใช้ IPv6 และยังต้องการติดต่อกับเครือข่าย IPv4 อยู่ เช่น IPv4 web server, IPv4 mail server ทางทีมงาน ขอแนะนำให้ใช้เทคนิค dual-stack คือใช้ทั้ง IPv6 และ IPv4 ภายในเครื่องเดียว จะดีที่สุด

[/li]
[li]IPv6 จะช้ากว่า IPv4 หรือไม่

ตามทฤษฎีแล้ว IPv6 ไม่ควรจะช้ากว่า IPv4 ยิ่งไปกว่านั้นมันควรจะเร็วกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลที่ดีขึ้น (เช่น header ที่มีขนาดคงที่ และลดการประมวลผล header ระหว่างทาง) อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย IPv6 ในปัจจุบันเราอาจพบว่าช้ากว่าการส่งข้อมูลบนเครือข่าย IPv4 สาเหตุหลักก็คือ เครือข่าย IPv6 ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายทดสอบ ซึ่งอาจไม่ได้มีการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพดี เหมือนกับเครือข่าย IPv4 ที่ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้บริการในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้การส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย IPv6 หากเป็นการใช้ tunneling ในการเชื่อมต่อ ความเร็วในการส่งข้อมูลจะต้องเสียไปกับการทำ encapsulation ที่ฝั่งผู้ส่งและฝั่งผู้รับ และประสิทธิภาพในการส่งต่อข้อมูลและการคำนวณเส้นทาง (packet forwarding & routing) ของเร้าท์เตอร์อาจเสียไป เนื่องจากผู้ส่งและผู้รับซึ่งอยู่ห่างกันครึ่งโลก อาจดูเสมือนอยู่ห่างกันเพียง 1 hop หลังจากผ่าน tunnel

[/li]
[li]IPv6 จะดีกว่า IPv4 หรือไม่

แน่นอนว่า IPv6 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีกว่า และมีประสิทธิภาพกว่า IPv4 ข้อผิดพลาดที่พบใน IPv4 ถูกแก้ไขใน IPv6 นอกเหนือไปจากจำนวน IP address ที่เพิ่มมากขึ้น IPv6 ยังปรับปรุง header ให้มีขนาดคงที่ ง่ายต่อการประมวลผลที่เร้าท์เตอร์ header field บางตำแหน่งที่ไม่จำเป็นถูกกำจัดออก เพื่อลดโหลดการประมวลผลแพ็กเก็ตที่เร้าท์เตอร์ระหว่างทาง ทั้งยังมีการเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับเครือข่าย เช่น multicast, IPSec, Quality-of-Service

[/li]
[li]IPv6 จะป้องกันปัญหาไวรัสและอีเมลขยะได้หรือไม่

คงไม่ได้ เนื่องจาก IPv6 เป็นแค่วิธีการกำหนดหมายเลข IP address แบบใหม่ ความเปลี่ยนแปลงของโพรโตคอลจาก IPv4 สู่ IPv6 อยู่เพียงในระดับ Network layer และไม่ได้กระทบกับ แอพพลิเคชั่นในระดับสูงขึ้น ดังนั้นไวรัสหรืออีเมลขยะจึงไม่มีวันรู้ ทั้งยังไม่สนใจว่าเครือข่ายที่มันผ่านไป เป็น IPv6 หรือ IPv4 สรุปแล้วก็คือ IPv6 คงจะไม่ช่วยป้องกันปัญหาไวรัสและอีเมลขยะ

[/li]
[li]IPv6 ทำให้เครือข่ายปลอดภัยน้อยลงหรือไม่ ถ้าเลิกใช้ NAT Firewall

หลายคนอาจคิดว่าการใช้ NAT จะช่วยให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตปลอดภัย เนื่องจากว่าโฮสต์ที่อยู่หลัง NAT ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก และเมื่อเปลี่ยนมาใช้ IPv6 แล้ว NAT ก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป อาจทำให้ความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตน้อยลง ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิด เพราะว่าแท้จริงแล้ว ความปลอดภัยนั้นมาจาก Firewall ที่มากับ NAT box ต่างหาก หาก IPv6 เลิกใช้ NAT แต่ยังใช้ Firewall อยู่ ความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ยังคงอยู่

[/li]
[li]ไม่เข้าใจเรื่องการแบ่ง address ของ IPv6
[/list]


[li]Aggregatable Global unicast Addresses[/li]
[li]Link-local addresses[/li]
[li]Site-local addresses[/li][/list]

address ทั้งสามชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร และมีหลักการใช้งานอย่างไร

เรื่อง address สามารถอธิบายคร่าวๆ ได้ดังนี้

global address เป็น unique address เทียบเท่ากับ public IPv4 address คือ สามารถ reachable จากทุกๆ แห่งในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

site local address เป็น address ที่จัดสรรให้ภายใน LAN หรือเครือข่ายภายใน อาจเอาไว้ใช้ในเครือข่ายทดสอบ จะมองไม่เห็นจากข้างนอก ข้อดีของการกำหนด site local address คือ หากต้องมีการเปลี่ยน global address prefix ขององค์กร ก็ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยน address ภายใน ทั้งยังช่วยให้ routing table ภายในองค์กรมีขนาดเล็ก จัดการง่าย อันนี้อาจเทียบเท่ากับการใช้ private IPv4 address

link local address เป็น address ที่ unique บนแต่ละลิงค์เท่านั้น ปกติแล้ว link local address จะถูก assign อัตโนมัติ ใช้ Prefix fe80::/64 โดยที่ 64 บิตหลังจะมาจาก MAC address ของแลนการ์ดนั่นเอง ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจได้ว่า link local address ที่ได้จะไม่มีวันซ้ำกันบนแต่ละลิงค์ การใช้งานก็จะเป็นลักษณะการติดต่อระหว่าง node ต่างๆ บนลิงค์เดียว
จาก IPv4 สู่ IPv6 (ตอนที่ 1) ปัจจุบันการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เข้ามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก ทั้งเพื่อการบริหาร


Code:
http://www.ntc.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=3919


การแปลง IPv4IPv6 (32bits128bits)


Code:
http://forum.nanosofttech.com/index.php?topic=21


Implementing IPv6
Introducing IPv6
Why Do We Need a Larger Address Space?



[li]Internet population
[/list]


[li]Approximately 2 billion users in March 2011[/li]
[li]Emerging population and geopolitical and address space[/li][/list]
[/li]
[li]Mobile users


[li]PDA, pen-tablet, notepad, and so on[/li]
[li]Approximately 20 million in 2004[/li][/list]
[/li]
[li]Mobile phones


[li]Already 1 billion mobile phones delivered by the industry[/li][/list]
[/li]
[li]Transportation


[li]1 billion automobiles forecast for 2008[/li]
[li]Internet access in planes - Example: Lufthansa[/li][/list]
[/li]
[li]Consumer devices


[li]Sony mandated that all its products be IPv6-enabled by 2005[/li]
[li]Billions of home and industrial appliances[/li][/list]
[/li]
IPv6 Advanced Features
Larger address space


[li]Global reachability and flexibility[/li]
[li]Aggregation[/li]
[li]Multihoming[/li]
[li]Autoconfiguration[/li]
[li]Plug-and-play[/li]
[li]End to end without NAT[/li]
[li]Renumbering[/li][/list]

Simpler header


[li]Routing efficiency[/li]
[li]Performance and forwarding rate scalability[/li]
[li]No broadcasts[/li]
[li]No checksums[/li]
[li]Extension headers[/li]
[li]Flow labels[/li][/list]

Mobility and security


[li]Mobile IP RFC-compliant[/li]
[li]IPsec mandatory (or native) for IPv6[/li][/list]

Transition richness


[li]Dual stack[/li]
[li]6to4 tunnels[/li]
[li]Translation[/li][/list]

cool.gif
 

PlAwAnSaI

Administrator
Larger Address Space
IPv4


[li]32 bits or 4 bytes long
[/list]


[li]≈ 4,200,000,000 possible addressable nodes[/li][/list]
[/li]
IPv6


[li]128 bits or 16 bytes: four times the bits of IPv4
[/list]


[li]≈ 3.4 * 10[/list]
38 possible addressable nodes[/li]
[li]≈ 340,282,366,920,938,463,463,374,607,431,768,211[/li]
[li]≈ 5 * 1028 addresses per person[/li]
Larger Address Space Enables
Address Aggregation

fig24.jpg



[li]Aggregation of prefixes announced in the global routing table[/li]
[li]Efficient and scalable routing[/li]
[li]Improved bandwidth and functionality for user traffic[/li][/list]

Defining IPv6 Addressing
Simple and Efficient Header

A simpler and more efficient header means:


[li]64-bit aligned fields and fewer fields[/li]
[li]Hardware-based, efficient processing[/li]
[li]Improved routing efficiency and performance[/li]
[li]Faster forwarding rate with better scalability[/li][/list]

IPv4 and IPv6 Header Comparison
CIE-L55-01.png
CIE-L55-02.png
CIE-L55-03.png

IPv6 Extension Headers
51459.jpg

Simpler and more efficient header means:


[li]IPv6 has extension headers.[/li]
[li]It handles the options more efficiently[/li]
[li]It enables faster forwarding rate and end nodes processing.[/li][/list]

IPv6 Address Representation
Format:


[li]x:x:x:x:x:x:x:x, where x is a 16-bit hexadecimal field
[/list]


[li]Case-insensitive for hexadecimal A, B, C, D, E, and F[/li][/list]
[/li]
[li]Leading zeros in a field are optional:


[li]2031:0:130F:0:0:9C0:876A:130B[/li][/list]
[/li]
[li]Successive fields of 0 can be represented as ::, but only once per address.[/li]


Examples: wrote:


[li]2031:0000:130F:0000:0000:09C0:876A:130B[/li]
[li]2031:0:130f::9c0:876a:130b[/li]
[li]2031::130f::9c0:876a:130b - incorrect[/li]
[li]FF01:0:0:0:0:0:0:1 => FF01::1[/li]
[li]0:0:0:0:0:0:0:1 => ::1[/li]
[li]0:0:0:0:0:0:0:0 => ::[/li][/list]



IPv6 Address Types
IPv6 uses:


[li]Unicast
[/list]


[li]Address is for a single interface.[/li]
[li]IPv6 has several types (for example, global and IPv4 mapped).[/li][/list]
[/li]
[li]Multicast


[li]One-to-many[/li]
[li]Enables more efficient use of the network[/li]
[li]Uses a larger address range[/li][/list]
[/li]
[li]Anycast


[li]One-to-nearest (allocated from unicast address space).[/li]
[li]Multiple devices share the same address.[/li]
[li]All anycast nodes should provide uniform service.[/li]
[li]Source devices send packets to anycast address.[/li]
[li]Routers decide on closest device to reach that destination.[/li]
[li]Suitable for load balancing and content delivery services.[/li][/list]
[/li]
IPv6 Global Unicast (and Anycast) Address
IPv6 has same address format for global unicast and for anycast.


[li]Uses a global routing prefix - a structure that enables aggregation upward, eventually to the ISP.[/li]
[li]A single interface may be assigned multiple addresses of any type (unicast, anycast, multicast).[/li]
[li]Every IPv6-enabled interface must contain at least one loopback :):1/128) and one link-local address.[/li]
[li]Optionally, every interface can have multiple unique local and global addresses.[/li]
[li]Anycast address is a global unicast address assigned to a set of interfaces (typically on different nodes).[/li]
[li]IPv6 anycast is used for a network multihomed to several ISPs that have multiple connections to each other.[/li][/list]

IPv6 Unicast Addressing


[li]IPv6 addressing rules are covered by multiple RFCs.
[/list]


[li]Architecture defined by RFC 4291.[/li][/list]
[/li]
[li]Unicast: One to one


[li]Global[/li]
[li]Link local (FE80::/10)[/li][/list]
[/li]
[li]A single interface may be assigned multiple IPv6 addresses of any type: unicast, anycast, or multicast.[/li]
Implementing Dynamic IPv6 Addresses
Aggregatable Global Unicast Addresses



[li]Cisco uses the extended universal identifier (EUI)-64 format to do stateless autoconfiguration.[/li]
[li]This format expands the 48-bit MAC address to 64 bits by inserting "FFFE" into the middle 16 bits.[/li]
[li]To

make sure that the chosen address is from a unique Ethernet MAC

address, the universal/local (U/L bit) is set to 1 for global scope (0

for local scope).[/li][/list]

Link-Local Address
52669.jpg



[li]Link-local

addresses have a scope limited to the link and are dynamically created

on all IPv6 interfaces by using a specific link-local prefix FE80::/10

and a 64-bit interface identifier.[/li]
[li]Link-local addresses are

used for automatic address configuration, neighbor discovery, and router

discovery. Link-local addresses are also used by many routing

protocols.[/li]
[li]Link-local addresses can serve as a way to connect devices on the same local network without needing global addresses.[/li]
[li]When

communicating with a link-local address, you must specify the outgoing

interface because every interface is connected to FE80::/10.[/li][/list]

EUI-64 to IPv6 Interface Identifier
S09AG_IP6.gif

Mapping IEEE 802 addresses to EUI-64 addresses
Where u =


[li]1 = Universally Unique[/li]
[li]0 = Locally Unique[/li][/list]

A modified EUI-64 address is formed by inserting "FFFE" and "complementing" a bit identifying the uniqueness of the MAC address.
Multicasting
52671.jpg

More Scope =


[li]3 = Subnet-Local[/li]
[li]4 = Admin-Local[/li][/list]

Example of Permanent Multicast Addresses
IPv6Multicast.png

FF02::1:FFXX:XXXXSolicited-node
FF05::101All NTP servers
Anycast
F03xx08.png



[li]An IPv6 anycast address is a global unicast address that is assigned to more than one interface.[/li][/list]

Stateless Autoconfiguration
52676.jpg

A Standard Stateless Autoconfiguration
Random.Generation.Stateless.Autoconfig.bmp



[li]Stage 1: The PC sends a router solicitation to request a prefix for stateless autoconfiguration.[/li]
[li]Stage 2: The router replies with a router advertisement.[/li][/list]

IPv6 Mobility
102_nemo_fig3_sm.jpg

Using IPv6 with OSPF and Other Routing Protocols
IPv6 Routing Protocols




Credit: Cisco


cool.gif
 

PlAwAnSaI

Administrator
  • รูปแบบของ, ตัวอย่างหมายเลข Address IPv4 และ IPv6, ตัวอย่างการเขียนหมายเลข Address IPv6 แบบย่อ:
    nattawadee00.blogspot.com
  • IPv6 Neighbor Discovery Protocol Specifications, Threats and Countermeasures: A Survey:
    ieeexplore.ieee.org/document/8022867
  • Understanding IPv6 NAT-PT:
    blog.ine.com/2008/04/18/understanding-ipv6-nat-pt
  • IPv4 forever?:
    blog.ioshints.info/2008/04/ipv4-forever.html
  • IPv6 Transtion Techniques:
    www.slideshare.net/apnic/ipv6-transition-techniques
  • IPv6 neighbor discovery:
    packetlife.net/blog/2008/aug/28/ipv6-neighbor-discovery
  • R&S Network Basics > IP Addressing > IPv6 Network Addresses:
    www.dpu.ac.th/eng/cnap/rsbasic/course/module7/index.html#7.2.1.1
  • IPv6 - The History and Timeline:
    www.ipv6.com/articles/general/timeline-of-ipv6.htm
  • Five years of IPv6: whither the next five?:
    blog.apnic.net/2017/06/06/five-years-ipv6-whither-next-five
  • Implementing IPv6 VPN Provider Edge (PE) Transport over MPLS:
    www.cisco.com/c/en/us/td/docs/routers/asr9000/software/asr9k_r5-3/lxvpn/configuration/guide/b-l3vpn-cg53xasr9k/b-l3vpn-cg53xasr9k_chapter_011.html
  • IPv6: โครงสร้างพื้นฐานที่ทุกประเทศจำเป็นต้องใช้ เพื่อรองรับการมาของ IoT ในอนาคต
    2017_cisco_mobile_vni_02.png

    www.techtalkthai.com/ipv6-is-a-must-for-iot
  • IPv6 Lookup Tool
    www.ultratools.com/tools/ipv6Info
IPv6 BFD L3VPN Track Static Route Configuration:
  • Huawei:
    interface GigabitEthernet3/1/0.200
    vlan-type dot1q 200
    ip binding vpn-instance FT1
    ipv6 enable
    ipv6 address
    2001:x:FE0:E::2/127
    #
    interface LoopBack20
    ip binding vpn-instance FT1
    ipv6 enable
    ipv6 address 3003::2/64
    #
    bfd cg6 bind peer-ipv6 2001:x:FE0:E:
    smile3.gif
    vpn-instance FT1 interface GigabitEthernet3/1/0.200 source-ipv6 2001:x:FE0:E::2 auto
    commit
    #
    ipv6 route-static vpn-instance FT1 3002:: 64 2001:x:FE0:E:
    smile3.gif
    track bfd-session cg6

    display bfd session all
    display ipv6 routing-table vpn-instance
    FT1 protocol static
  • Nokia:
    #


    port 4/1/5
    ethernet
    mode access
    encap-type dot1q
    mtu 9212
    exit
    no shutdown
    #


    service
    customer 2 create
    exit
    vprn 72001201 customer 2 create
    vrf-export "VPN-72001201-Export"
    ecmp 16
    autonomous-system 6549
    route-distinguisher 6549:101
    auto-bind-tunnel
    resolution-filter
    ldp
    exit
    resolution filter
    exit
    vrf-target import target:6549:101
    interface "loopback-in" create
    ipv6
    address 3004::2/64
    exit
    loopback
    exit
    interface "Intf_VLAN200" create
    ipv6
    address 2001:x:fe0:e::6/127
    bfd 500 receive 500 multiplier 3
    exit
    remote-proxy-arp
    sap 4/1/5:200 create
    exit
    exit
    static-route
    3002::/64 next-hop 2001:x:fe0:e::7 bfd-enable
    service-name "FT1"
    no shutdown
    #


    show router 72001201 bfd session
    show router
    72001201 route-table ipv6 protocol static
  • Cisco:
    vrf FT1
    address-family ipv6 unicast
    import route-target
    6549:911
    !
    export route-target
    6549:911
    !
    interface TenGigE0/0/1/3.200
    vrf FT1
    ipv6 address 2001:x:fe0:e::8/127
    encapsulation dot1q 200
    !
    interface Loopback20
    vrf FT1
    ipv6 address 3005::2/64
    !
    router static
    vrf
    FT1
    address-family ipv6 unicast
    3002::/64 2001:x:fe0:e::9 bfd fast-detect minimum-interval 500 multiplier 3

    show bfd ipv6 session
    show route vrf
    FT1 ipv6 static
cool.gif
 
Top