PlAwAnSaI
Administrator
Why a new IP?
- more devices
- many users
- Always-on access technologies
- www.facebook.com/IPv6Thailand
- IPv6 e-book ฉบับภาษาไทย - ความรู้ IPv6 พื้นฐานสำหรับผู้ดูแลระบบ
www.ipv6.ega.or.th/res/IPv6book20140826.pdf
www.ncit.navy.mi.th/upload/pdf/IPv6book.pdf
Code:
http://www.ipv6.nectec.or.th/articles.php
ความเป็นมา
Code:
http://203.172.130.100/nfe_webkm/display_directory_view.php?enc_id=420
Code:
http://www.6deploy.eu/index.php?page=20100823_bangkok
สารพันคำถามเกี่ยวกับ IPv6
IPv6 คืออะไร:
กลไกสำคัญในการทำงานของ Internet คือ Internet Protocol (ส่วนประกอบสำคัญของ Internet Protocol ได้แก่ หมายเลข Internet Address หรือ IP address ที่ใช้ในการอ้างอิงเครื่อง Computer และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ บน Internet ทั่วโลก เปรียบเสมือนการใช้งานโทรศัพท์ ในการติดต่อสื่อสารกัน จะต้องมีเลขหมายเบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้อ้างอิงผู้รับสายได้ Computer ทุกเครื่องใน Internet ก็ต้องมีหมายเลข IP Address ที่ไม่ซ้ำกับใคร
หมายเลข IP address ที่เราใช้กันทุกวันนี้ คือ Internet Protocol version 4 (IPv4) ซึ่งเราใช้เป็นมาตรฐานในการส่งข้อมูลในเครือข่าย Internet ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ทั้งนี้การขยายตัวของเครือข่าย Internet ในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว นักวิจัยเริ่มพบว่าจำนวนหมายเลข IP address ของ IPv4 กำลังจะถูกใช้หมดไป ไม่เพียงพอกับการใช้งาน Internet ในอนาคต และหากเกิดขึ้นก็หมายความว่าเราจะไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายเข้ากับระบบ Internet เพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นคณะทำงาน IETF (The Internet Engineering Task Force) ซึ่งตระหนักถึงปัญหาสำคัญดังกล่าว จึงได้พัฒนา Internet Protocol รุ่นใหม่ขึ้น คือ รุ่นที่หก (Internet Protocol version 6; IPv6) เพื่อทดแทน Internet Protocol รุ่นเดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของตัว Protocol ให้รองรับหมายเลข Address จำนวนมาก และปรับปรุงคุณลักษณะอื่นๆ อีกหลายประการ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ และความปลอดภัย รองรับระบบ Application ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล Packet ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองต่อการขยายตัว และความต้องการใช้งาน Technology บนเครือข่าย Internet ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ทำไมจึงต้องเริ่มใช้ IPv6:
ประโยชน์หลักของ IPv6 เป็นเหตุผลสำคัญของการเริ่มใช้ ได้แก่ จำนวน IP address ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวน IP address เดิมภายใต้ IPv4 ซึ่งมี 32 Bit ในขณะที่ IPv6 address มี 128 Bit ความแตกต่างของจำนวน IP address มีมากถึง 2^96 ถ้าจะเขียนจำนวน IPv6 ทั้งหมดออกมาก็คือ 34 ตามด้วย 0 อีก 37 ตัว
ความสำคัญของการมี IP address ที่ไม่ซ้ำกันและสามารถเห็นกันได้ทั่วโลก จะช่วยผลักดันการพัฒนา แอพพลิเคชั่นแบบ peer-to-peer ที่ต้องการ IP address จริงเป็นจำนวนมาก เช่น การทำ file sharing, instant messaging, และ online gaming แอพพลิเคชั่นเหล่านี้มีข้อจำกัดภายใต้ IPv4 address เนื่องจากผู้ใช้บางส่วนที่ได้รับจัดสรร IP address ผ่าน NAT (Network Address Translation) ไม่มี IP address จริง จึงไม่สามารถใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ได้ครบ function
สำหรับองค์กรหรือบริษัทห้างร้านต่างๆ การมี IP address จริง อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อย่างไรก็ตามหน่วยงานเหล่านี้ควรมีความเข้าใจถึงข้อจำกัดของการใช้ NAT นั่นก็คือ การใช้ IP address ปลอม อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในอนาคตหากต้องมีการรวมเครือข่ายสองเครือข่ายที่ใช้ IP address ปลอมทั้งคู่ อีกทั้ง การใช้ IP address ปลอม เป็นการปิดโอกาสที่จะใช้แอพพลิเคชั่นหรือบริการแบบ peer-to-peer เช่น IPsec ในอนาคต
[/li]
[li]เมื่อไหร่เราจะต้องเริ่มใช้ IPv6
ความจริงแล้วส่วนประกอบหลักๆ ของโพรโตคอล IPv6 ได้ถูกกำหนดขึ้นเรียบร้อยและออกเป็น RFC (Request For Comments) อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 แล้ว ยังคงเหลือในส่วนความสามารถและคุณลักษณะปลีกย่อย เช่น การจัดสรรชุดหมายเลข IPv6 การทำ multi-homing หรือการทำ network management ที่ยังต้องรอการกำหนดมาตรฐาน แต่ในส่วนนี้ไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฮาร์ดแวร์ หรือซอฟท์แวร์มากนัก
จะว่าไปแล้ว IPv6 ถูกเริ่มใช้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในต่างประเทศ เช่น เกาหลี และญี่ปุ่น ได้มีการใช้ IPv6 ในเครือข่าย ISP หลายแห่ง ในประเทศไทยยังไม่มีการใช้ IPv6 ในเชิงพาณิชย์ มีแต่ในเครือข่ายทดสอบของหน่วยงานวิจัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ
หากจะถามว่าเมื่อไหร่จึงจะต้องเริ่มใช้ IPv6 คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นในด้านต่างๆ ของผู้ใช้และผู้ให้บริการเอง ความจำเป็นประการแรกคือการขาดแคลนหมายเลข IP address สิ่งนี้น่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับประเทศในเอเชีย เช่น เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงกว่าหมายเลข IPv4 address ที่ได้รับจัดสรรมา สำหรับประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ความจำเป็นด้านนี้ยังไม่สูงมาก เนื่องจากยังมีหมายเลข IPv4 address เหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก ความจำเป็นประการที่สอง ได้แก่ ความต้องการบริการหรือแอพพลิเคชั่นชนิดใหม่ที่ต้องใช้หมายเลข IPv6 address ตัวอย่างเช่น การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Phone) หรือการใช้แอพพลิเคชั่นแบบ peer-to-peer อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ให้บริการ การรอจนกระทั่งความจำเป็นดังกล่าวมาถึง โดยไม่ได้มีการวางแผนการปรับเปลี่ยนเครือข่ายล่วงหน้า อาจทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเสียโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจได้
[/li]
[li]IPv6 จะถูกเริ่มใช้ที่ไหนก่อน
ประเทศในทวีปเอเชีย และยุโรป มีความตื่นตัวในการปรับเปลี่ยนเครือข่ายมากกว่าประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลน IPv4 address บริษัทผู้นำทางด้านเทคโนโลยี IPv6 ล้วนตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้ รัฐบาลประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีต่างให้การสนับสนุนและผลักดันภาคเอกชน ให้หันมาให้บริการ IPv6 ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น อีกทั้งประเทศใหญ่ๆ อย่างเช่น จีน ก็คาดว่าจะเริ่มหันมาเอาจริงเอาจังในด้านนี้ ด้วยจำนวนประชากรและสถานะทางเศรษฐกิจที่บังคับ
นอกจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์แล้ว บริการทางเครือข่ายที่จำเป็นต้องใช้ IPv6 อย่างเช่นบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ก็อาจเป็นจุดแรกของการเริ่มนำ IPv6 มาใช้ หรือการพัฒนาเครือข่ายภายในบ้านสำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับการนำ IPv6 มาใช้ การสำรวจพบว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างให้ความสนใจที่จะผนวกหมายเลข IPv6 address เข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าของตน
[/li]
[li]เราควรนำ IPv6 มาใช้อย่างไร
การนำ IPv6 มาใช้ ควรจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการปรับเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลจะส่งผลกระทบต่อเครือข่ายทั่วโลกที่เชื่อมต่อกันอยู่ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนไปสู่เครือข่าย IPv6 ล้วน อาจใช้ระยะเวลาเป็นปี เพราะเหตุนี้ ทาง IETF จึงเสนอทางออก เพื่อช่วยในการทำงานร่วมกันระหว่าง IPv4 และ IPv6 ในระหว่างที่เครือข่ายบางแห่งเริ่มมีการปรับเปลี่ยน
ในช่วงแรก การใช้งาน IPv6 อาจอยู่ในวงแคบ ดังนั้นเราต้องการเทคนิคเพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายที่เป็น IPv6 เข้ากับเครือข่าย IPv4 หรือเครือข่าย IPv6 อื่น เทคนิคการทำงานร่วมกันระหว่าง IPv4 และ IPv6 แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ
[li]การทำ dual stack - เป็นวิธีพื้นฐานที่สุด ทำงานโดยใช้ IP stack สองอันคือ IPv4 stack และ IPv6 stack ทำงานควบคู่กัน เมื่อใดที่แอพพลิเคชั่นที่ใช้เป็น IPv4 ข้อมูลแพ็กเก็ตก็จะถูกส่งออกผ่านทาง IPv4 stack เมื่อใดที่แอพพลิเคชั่นที่ใช้เป็น IPv6 ข้อมูลแพ็กเก็ตก็จะถูกส่งออกผ่านทาง IPv6 stack การทำ dual stack เป็นทางออกที่ง่ายที่สุด แต่ไม่ใช่ long term solution เนื่องจากยังจำเป็นต้องใช้ IPv4 address ที่โฮสต์หรือเร้าท์เตอร์ที่ใช้ dual stack นั้น[/li]
[li]การทำ tunneling - เป็นอีกวิธีที่ใช้กันแพร่หลาย เพราะเหมาะสมกับการสื่อสารระหว่างเครือข่าย IPv6 ผ่านเครือข่าย IPv4 การส่งข้อมูลทำได้โดยการ encapsulate IPv6 packet ภายใน IPv4 packet ที่ tunneling gateway ก่อนออกไปยังเครือข่าย IPv4 ที่ปลายทาง ก่อนเข้าไปสู่เครือข่าย IPv6 ก็จะต้องผ่าน tunneling gateway อีกตัว ซึ่งทำหน้าที่ decapsulate IPv6 packet และส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง จะเห็นได้ว่าการทำ tunneling นี้จะใช้ไม่ได้สำหรับการสื่อสารโดยตรงระหว่างเครื่องในเครือข่าย IPv6 และเครื่องในเครือข่าย IPv4[/li]
