The Grads are coming.

spirit_com

New member
The Grads are coming.
เพื่อนเอ๋ย จะจบแล้วอ๊ะ อีก ไม่กี่เดือน เราก้อจะหลุดจาก rmutt กันแว้ว ฮือออออ คิเกียจทำงานว่ะ T_T

สำหรับคนที่จาไปเรียนต่อนอก กระผมมีความรู้มาฝาก ก้อไม่เชิงความรู้หรอกนะ แค่เป็นคำบอกเล่าของคนที่เรียนนอกมาน่ะ (หมายถึง ป.โท/ป.เอก อ่ะนะ)

คือตอนแรก ปัญหาใหญ่สุดของทุกคนคือ ไปเรียนที่ไหนดี คำว่าปายเรียนที่ไหนดีเนี่ย มีอยู่สองอย่างที่ต้องคิดถึงคือ อยากไปเรียนด้านไหน (แล้วที่ไหนมันดีล่ะ?) แล้วควรไปเรียนที่ไหน (แล้วตรงไหนบอกว่ากูเหมาะกะที่นี่ฟะ) คือ ไอ้พวกนี้กูก้อไม่รู้หรอกนะว่าต้องทำไง เพียงแค่ว่า เขาแนะนำกันน่ะว่า
สมมติเมิงจะไปเรียนต่อเมืองนอกในสาขา คอมพิวเตอร์ต่อนะ

สิ่งที่เมิงต้องคิดถึงก่อนคือ เมิงจะเจาะไปในด้านไหน อย่างเช่น database? image? signal? และอื่นๆอีกมั่กมาย ก้อคิดๆไว้ละกัน ทีนี้เมิงก้อ หาชื่อฟิวนั้นๆอ่ะแหละ ตามด้วยคำว่า academic ถ้าเกิดแม่งเจอเยอะเหลือเกินก้อลอง เติม grads students ก้อได้มั้ง ไม่รู้ว่ะ มั่วๆดูประมาณว่า master degree อะไรเงี้ยนะ แล้วก้อหาๆดู

สิ่งที่พวกเมิงอาจจะยังไม่รู้คือ (คือกูเพิ่งรู้ว่า) เขาดูอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นหลัก น่าจะดีกว่า แต่อาจารย์ที่ปรึกษาเนี่ยผู้รู้เขาบอกกันว่า มีสองประเภทนะ คือ ใจดี ส่วนมากพวกนี้เป็นคนแก่ แล้วอีกแบบคือ สลัด เป็ด แม่งทำงานกูหามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้พักอ่านหนังสือเรยเป็นต้น

คือเนื่องจากว่าพวกอาจารย์ที่เมืองนอกเนี่ยถ้าได้ เป็น prof แล้วทางมหาลัยจะไม่สามารถไล่ออกได้ ประมาณว่ากูจะทำงานจนกว่ากูจะเบื่อเอง ประมาณนั้น เพราะงั้น ก้อคือ พวกที่เป็น prof แล้วก้อคงเก่งมั่กมาย แล้วก้อไม่แน่อาจจะแบบ คิเกียจทำงานแระ นักศึกษาเข้ามาก้อพยายามช่วยให้จบๆไปเร็วๆน่ะนะ ทีนี้อีกประเภทเนิงคือ อาจารย์ที่ยังไม่แก่ ไฟแรง เป็นพวก คน สลัด เป็ด เนี่ยกะลังพยายามสร้างผลงานเพื่อ ผลักดันตัวมันเองให้เป็น prof แล้วจะได้งานสบายอะไรประมาณเนี้ย พวกที่กะลังสร้างผลงานเนี่ย คือ บางที ถ้าเกิดเราเข้าไปเป็น advisee ของเขาแล้วเราทำงานดีมาก ขยันขันแข็ง เขาก้อพยายามให้เมิงไม่จบง่ายๆเพราะว่าเขาอยากให้เมิงช่วยงานวิจัยมัน ในบางมหาลัย จะมีการกำหนดให้เมิงต้องจบภายใน 7 - 8 ปี แต่บางมหาลัยมันไม่มีกำหนดนะ ต้องระวังๆ เป็นตัน เพราะงั้น พวกอาจารย์ห่านี้ถ้าใจร้ายเมิงก้ออาจจะโดนยื้อไปเรื่อยๆ ไม่จบซะที แต่ถ้าเมิง เจอพวกใจดีหน่อย ก้อสามารถ จบภายใน 1.5 - 2 ปีได้ เพราะงั้นเมิงต้องพิจารณาให้ตัวเมิง เซฟๆไว้ด้วยประมาณว่า ไม่ควรไปเลือกมหาลัยที่ไม่มีตัว limit เหล่านี้

เพราะงั้นเขาเลยมีคำพูดว่า "There are 2 big choices in your life, one is your wife, and another is your advisor" อันนี้เรื่องจริงไม่อิงนิยาย ถามเจกกูมาเอง เส่ะแล้วทีนี้มันก้อมีอีกว่า แล้วกูจะไปเสือกรู้ได้ไงว่าจารย์คนไน๋ แม่งจะดีวะ

ก้อ ดูว่า จารย์คนนั้นยังทำงานอยู่รึเปล่า คือยังคอยสร้างผลงานให้ตัวเองอยู่รึเปล่า ดูจาก publication เขาว่ากันว่า สัก 2 - 3 publication ต่อปี นิแปลว่ากะลังทำงานอยู่อย่างแรงเรย น่ากัว เพราะว่าสมมตืจารย์ คนนี้ดังมากๆ นั้นก้ออาจจะแปลวว่ามันเก่งมากจนในบางครั้งเราแทบไม่สามารถปรึกษาเขาได้เรย เพราะว่าเขามีเด่ะในสังกัดเยอะ หรืออาจจะติดประชุมบ่อยมั่กมาย อย่างเช่น จารย์บุญเจริญเป็นตัน (เทียบตัวอย่างใกล้ตัวให้เห็นภาพนพี่น้อง)

เส่ะแล้วมีอีกอย่างที่เมิงสามารถสังเกตุได้ ลองหา พวกที่เป็นการกล่าวอ้างถึงอาจารย์เหล่านั้นดู ถ้าเกิด ลูกสิดเขาชมจารย์คนนี้เหลือเกิน นั้นอาจจะเป็นการดีก้อได้ แต่ถ้าแม่งด่าเชดเรย เมิงก้อไม่ควรไป อะไรประมาณนี้แต่ข้อมูลตรงนี้กูได้ฟังมายังไม่รู้เรยแล้วกูจะไปถามลูกสิดมันได้ไงฟะ ถ้าคิดออกก้อบอกหน่อยละกันนะเพ่นะ

ทีนี้การสมัครสอบเนี่ย คือมันมีอยู่ 2 ช่วง คือช่วง august แล้วก้อ รู้สึกว่าจะเป็น jan/feb เนี่ยแหละ สมมติเมิงจะเข้าไปเรียนใน สิงหาที่จะถึงนี้เมิงต้องส่งใบหมักตั้งแต่ ธันวา ที่เพิ่งผ่านมานี้แล้ว ซึ่งแปลว่าตอนนี้ไม่ทันแระ อีกช่วงนิไม่แน่ใจอ่ะ เส่ะแล้วบางมหาลัยให้เมิงเลือก advisor ตั้งแต่เทอมแรก (ส่วนมากน่าจะเป็นอย่างงั้นนะ ไม่แน่ใจแห่ะๆ) แล้วก้อบางมหาลัย เข้าไปเรียนเทอมแรกก้อเกรดดีๆ ก้อค่อยไปเลือกเอาทีหลัง แต่เมิงต้องเกรดดีนะ ก้อจะมีคนรับเมิงอยู่หรอก

เรื่องขอทุนนิไม่แน่ใจ แต่เขาว่าควรจะขอไปตั้งแต่เริ่มเรย ส่วนมากไปขอกลางคันเนี่ยมันจะด่าเมิงเอา

ที่รู้ตอนนี้ก้อมีเท่านี้แหละ

ขอให้พี่ทั่นโชคดีมีชัยเด้อ

อิอิ กุไปลอกเค้ามาน่ะ
bigeyes.gif
 
Top