PlAwAnSaI
Administrator
Code:
https://medium.com/@panturah/what-ive-learned-from-passing-3-aws-associate-level-exams-saa-dva-and-soa-18be5586eb62
ผมเริ่มสอบ Cert ระบบ Cloud/DevOps เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว เลยอยากจะ Share สิ่งที่ได้เรียนรู้เก็บไว้บ้างคับ
ผมเป็นวิศวกร Network ที่ย้ายสู่โลกของ Cloud การได้ใบ Cert จึงเป็นแรงจูงใจที่ดี ทำให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการศึกษาหัวข้อที่ซับซ้อน เช่น ระบบ Cloud และ DevOps คับ
เนื้อหาทับซ้อนกันระหว่าง Solution Architech Associate (SAA), DeVeloper (DVA) และ SysOps (SOA):
คุณอาจเคยได้ยินจากคนอื่นว่าแม้ว่า Cert แต่ละตัวจะเน้นไปที่ขอบเขตเฉพาะของตัวเอง แต่ก็มีเรื่องที่ทับซ้อนกันในบางหัวข้อเช่นกัน การสอบ SAA จะแนะนำบริการของ AWS เกือบทั้งหมด ได้เรียนรู้เกี่ยวกับบริการมากมายและแนวคิดเบื้องหลังบริการเหล่านี้ คำถามไม่ได้ลึกมากแต่ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย ดังนั้นคุณต้องจำอะไรค่อนข้างมาก
ส่วน DVA เน้นไปที่การ Deploy App บน AWS โดยใช้ Solution ที่แตกต่างกัน รวมถึง Platform เช่น Elastic Beanstalk และ Serverless เช่น Lambda นอกจากนี้ยังเจาะลึกลงไปอีกว่า Lambda สามารถใช้รวมกับบริการอื่นๆ เช่น DynamoDB หรือ S3 ในสถาปัตยกรรมแบบ Serverless ได้ยังไง การสอบยังครอบคลุมถึง CloudFormation และการ Monitor ด้วย CloudWatch
และ SOA จะให้ความสำคัญกับการ Operation มากกว่า ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อ Advance เพิ่มเติม เช่น การทำงานอัตโนมัติโดยใช้ SSM Run Command, SSM Patch Manager และบริการ SSM อื่นๆ
สิ่งหนึ่งที่ผมต้องการเน้นคือการทับซ้อนกันหลักๆ ระหว่างทั้งสามหลักสูตร แนะนำให้ใช้เวลาพอสมควรในการเรียนรู้เนื้อหา SAA และให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจแนวคิดหลักของบริการของ AWS วิธีนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาได้มากใน DVA และ SOA เนื่องจากคุณสามารถข้ามการแนะนำบริการพื้นฐานและตรงไปยังหัวข้อ Advance เฉพาะทางสำหรับการสอบแต่ละตัวได้โดยตรง ผมใช้เวลาเกือบสี่เดือนในการเตรียมตัว ถึงผมจะทำงานด้าน IT มามากกว่า 10 ปีแล้ว ดังนั้นอย่ารีบเร่ง ใช้เวลาในการดูดซับ Material การลดความรู้พื้นฐานลงจะทำให้หัวข้อ Advance ใน DVA และ SOA จัดการได้ง่ายขึ้นมาก
ความรู้สึกประหม่าเป็นเรื่องปกติเมื่อเตรียมตัวสอบ:
ผมเห็นหลายคนบ่นว่าการเตรียมตัวสำหรับ Cert ทั้งสามนี้เป็นเรื่องยากแค่ไหน (โดยเฉพาะ SAA เนื่องจากเป็น Associate Certificate ใบแรกสำหรับหลายๆ คน) ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกแบบนี้ — ผมก็เป็น ผมได้อ่านเรื่องราวที่คล้ายกันจากคนอื่นๆ ใน Reddit เกือบทุกครั้งพวกเค้าจะเริ่ม Post โดยบอกว่ารู้สึกไม่พร้อมสำหรับการสอบ จากนั้นวันสองวันหรือไม่กี่ชั่วโมง เค้าก็จะกลับมาบอกว่าสอบผ่านแล้ว
เมื่อคุณเลือก Course แล้ว เรียนจบแล้ว อย่าหยุดเพียงแค่นั้น — ลงมือปฏิบัติจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ AWS เป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์เชิงปฏิบัติ ดังนั้นการทำความคุ้นเคยกับ Console และสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงจะช่วยได้มาก หลังจากนั้น ให้ทำแบบทดสอบเพื่อทดสอบความรู้ของคุณ ข้อสอบฝึกหัดที่มีอยู่ในตลาด เช่น TD, Stephane Maarek และ Neal Davis นั้นจริงๆ แล้วยากกว่าข้อสอบจริง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความมั่นใจของคุณ เมื่อคุณตอบคำถามผิด ให้ศึกษาหัวข้อพวกนั้นอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณพร้อมสำหรับการสอบจริง
ชื่อบริการ AWS เป็นนามธรรม:
ชื่อบริการใน AWS นั้นค่อนข้างเป็นนามธรรม ต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะรู้ว่าแต่ละบริการทำอะไรได้บ้าง แต่เมื่อคุณเข้าใจแนวคิดเบื้องหลังชื่อแล้ว มันก็เริ่มสมเหตุสมผล ตัวอย่างเช่น “Athena” ไม่ได้บอกคุณทันทีว่าเป็นบริการสำหรับการสืบค้นข้อมูลใน S3 โดยใช้ SQL แต่เมื่อคุณเข้าใจว่า Athena ได้รับการตั้งชื่อตามเทพีแห่งปัญญาและความรู้ของกรีก มันก็จะเริ่ม Click มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกและ “ปัญญา” จากข้อมูลของคุณ เช่นเดียวกับบริการอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อคุณเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังชื่อแล้ว ชื่อนั้นมักจะสอดคล้องกับ Function หลักของบริการ
ในขณะที่ Azure จะใช้ชื่อที่ตรงไปตรงมามากกว่า บริการที่เทียบเท่าใน Azure เรียกง่ายๆ ว่า "Azure Data Explorer" ชื่อนี้บอกคุณได้ทันทีว่ามันทำอะไร — สำรวจและสืบค้นข้อมูล เนื่องจากวิธีการตั้งชื่อที่สื่อความหมายมากกว่านี้ Azure จึงมักเปลี่ยนชื่อบริการเพื่อให้สะท้อนถึง Function ของตนได้ดีกว่า ความแตกต่างในรูปแบบการตั้งชื่อนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างชื่อที่เป็นนามธรรมและสร้างสรรค์ของ AWS กับชื่อที่พัฒนาตามตัวอักษรมากกว่าของ Azure
แนวคิดเดียวกัน/คล้ายกันใน AWS (หรือผู้ให้บริการรายอื่น) นั้นมีอยู่เสมอในโลก IT:
สิ่งสำคัญอย่างนึงกับ Cert AWS คือแนวคิดหลายประการใน AWS ไม่ได้มีเฉพาะในระบบ Cloud เท่านั้น ในความเป็นจริง แนวคิดเดียวกันหรือคล้ายกันนั้นมีอยู่เสมอในโลก IT ที่กว้างขวาง ตัวอย่างเช่น เครือข่าย: VPC ใน AWS คล้ายกับการแบ่งเครือข่ายแบบเดิมที่เราเรียกว่า VLAN, Subnet และ Firewall, Security Group คือการ Configure Firewall Rule ใน Cloud ในทำนองเดียวกัน IAM ใน AWS สามารถเปรียบเทียบได้กับการจัดการสิทธิ์และบทบาทของผู้ใช้ในระบบ IT แบบดั้งเดิม
ระบบ Cloud บรรจุแนวคิดด้าน IT ที่รู้จักกันดีเหล่านี้ไว้ในบริการ ทำให้ง่ายต่อการ Deploy, ปรับขนาด, และจัดการ ดังนั้น หากคุณมีพื้นฐานด้าน IT อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเครือข่าย ความปลอดภัย และการดูแลระบบ คุณจะพบว่าคุณเข้าใจสิ่งที่ AWS (และผู้ให้บริการรายอื่น) นำเสนอมามากแล้ว คุณเพียงแค่ต้องเรียนรู้วิธีการนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้และปรับให้เหมาะสมใน Environment Cloud แทนที่จะเริ่มต้นจากศูนย์
หรือหากคุณยังใหม่กับแนวคิดเหล่านี้ การเรียนเพื่อขอการรับรองของ AWS อาจเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ AWS แนะนำหลักการด้าน IT ในรูปแบบที่มีโครงสร้างและเข้าใจง่าย ช่วยให้เข้าใจสิ่งต่างๆ เช่น เครือข่าย ความปลอดภัย และระบบอัตโนมัติได้ง่ายขึ้น ดังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่มีพื้นฐานด้าน IT แต่การทำงานผ่าน Material ของ Cert จะทำให้คุณมีรากฐานที่แข็งแกร่งในแนวคิดที่สำคัญเหล่านี้ ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้กับผู้ให้บริการ Cloud รายอื่นหรือ Environment IT แบบดั้งเดิมได้ในภายหลัง
Last edited: