ศัพท์ Computer

PlAwAnSaI

Administrator
  • Address ที่อยู่บน Internet หรือ ที่อยู่ของ Email
  • Authoring Tool เครื่องมือใช้ในการสร้างเอกสารจำพวก HTML เพื่อใช้สำหรับเผยแพร่ใน WWW
  • Backbone การเชื่อมต่อข้อมูลด้วยความเร็วสูง สามารถเชื่อมต่อกับหลาย ๆ เครือข่าย
  • Bridge เป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่ง ที่ใช้สำหรับส่งต่อข้อมูลระหว่างสองระบบ หรือเครือข่าย ทำหน้าที่ส่งผ่าน Packet เท่านั้น
  • Browser Program สำหรับใช้เล่น Internet World Wide Web (WWW) ได้แก่ Internet Explorer, Netscape, Opera
  • Clients Computer ลูกข่าย ที่เข้ามาขอใช้ข้อมูลจาก Server ผ่านทางระบบเครือข่าย
  • Compose การแต่ง หรือเขียนจดหมาย Email
  • Dial Up การติดต่อกับ Computer หรือระบบเครือข่าย ผ่านทางสายโทรศัพท์
  • DNS Domain Name Server การแปลงชื่อ Host ของเครือข่ายไปเป็น Address บนระบบเครือข่าย TCP/IP หรือใน Internet

    หน้าที่ของ DNS คือ เก็บข้อมูลของชื่อ Domain และ IP Address www.company.com มี IP Address 203.156.24.52 Computer ที่เก็บข้อมูล DNS นี้เรียกว่า DNS Server เมื่อ Computer เรียก Website www.company.com ต้องระบุชื่อ Website ให้กับ Program ประเภท Browser เช่น IE จากนั้น Browser จะทำการสอบถามไปยัง DNS Server เพื่อขอทราบหมายเลข IP Address ของ www.company.com จากนั้น DNS Server จะแจ้งหมายเลข IP Address ของ www.company.com ให้ทราบ เมื่อได้ IP Address ของ www.company.com แล้ว Browser จะติดต่อไปยังที่อยู่หรือ Web Server ของ www.company.com หากพบแล้วก็ทำการร้องขอข้อมูลจาก Web Server นั้น และ Web Server นั้นจะส่งข้อมูลของ www.company.com กลับมาที่ Browser จึงเห็น Website นั้นได้

    สำหรับ DNS Server นี้จะติดตั้งอยู่ที่ ISP ที่ใช้บริการอยู่และจะทำงานเชื่อมต่อกับ DNS Server ทั่วโลก ส่วน Web Server นั้นก็ต้องได้รับการกำหนด IP Address แบบคงที่ด้วย แต่สำหรับการจัดตั้ง Web Server ไว้ที่บ้านหรือสำนักงาน ไม่สามารถกำหนด IP Address แบบคงที่ได้ เพราะเป็น IP Address ที่ได้รับมาแบบชั่วคราว โดย IP Address จะเปลี่ยนไปทุกๆ ครั้งเมื่อเชื่อมต่อกับ ISP เช่น เชื่อมต่อครั้งแรกอาจจะได้หมายเลข 203.156.24.52 พอวันรุ่งขึ้นอาจจะเชื่อมต่ออีกครั้งหนึ่งซึ่งได้หมายเลข 203.145.32.96 และเปลี่ยนไปทุกครั้งที่ทำการเชื่อมต่อใหม่ (การขอ IP Address แบบคงที่ สามารถทำได้แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูง) ดังนั้น การใช้ Domain Name กับ IP Address แบบไม่คงที่จึงไม่สามารถทำได้ จำเป็นต้องใช้ระบบ Dynamic DNS เข้ามาช่วย

  • Domain กลุ่มของ Computer ขนาดใหญ่บนเครือข่าย
  • Download การส่งผ่านข้อมูล เช่น File ภาพ, File ภาพยนตร์, File เสียงเพลง จาก Computer เครื่องอื่น มายังเครื่อง Computer ของเรา
  • DSL Digital Subscriber Line อุปกรณ์ในการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงอย่างหนึ่ง ผ่านทางสายโทรศัพท์ แต่เรายังคงใช้โทรศัพท์พร้อมกันได้ด้วย มีอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกกันคือ ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line)
  • EISA การเชื่อมต่อหรือ Interface แบบมาตรฐานของ Card ต่าง ๆ ปัจจุบันล้าสมัยแล้ว
  • Email Electronic Mail จดหมาย Electronic ใช้สำหรับการรับ-ส่งข้อมูลผ่านทางเครือข่าย
  • Ethernet มาตรฐานของสาย Cable และการเดินสาย โดยมีความสัมพันธ์กับระบบสื่อสารของเครือข่าย โดยมีหน่วยความเร็วเป็น 10 Mbps, 100 Mbps เป็นต้น
  • Firewall แปลตรงตัวคือ กำแพงไฟ เป็นได้ทั้ง Software และ Hardware สำหรับป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอกเข้ามาในระบบ Computer ของเรา
  • FTP File Transfer Protocol มาตรฐานการส่งผ่านข้อมูล จากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่งบน เครือข่าย TCP/IP

  • Gateway Computer ตัวกลางในการเคลื่อนย้ายข้อมูลจากเครือข่ายหนึ่ง ไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง
  • Guest Book สมุดลงนาม ใช้สำหรับแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Website นั้น ๆ ที่เข้าไปเยี่ยมชม เป็นช่องทางแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง
  • High Definition (HD) Video ที่มีความละเอียด (Resolution) มากกว่า VCD (352x288) และ DVD (720x576) ความละเอียดระดับ 1280×720 ขึ้นไปถึงจะเรียกว่า HD
  • Homepage เอกสารหน้าแรก (หน้าแนะนำตัว) ของ World Wide Web ของ Website ต่างๆ
  • Host Computer หลัก ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล เช่น Host ของ Website ต่างๆ
  • HTML Hypertext Makrup Language ภาษาพื้นฐานสำหรับการสร้าง Web ถือได้ว่าเป็นภาษาสากลสำหรับ Webpage
  • Internet เครือข่าย Computer ระดับโลก
  • ISDN Integrated Service Digital Network มาตรฐานการติดต่อความเร็วสูงอย่างหนึ่ง เพื่อใช้ส่งสัญญาณเสียง Video ทางสาย Digital
  • [/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]ISP Internet Service Provider บริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต ได้แก่ TOT, KSC, CS-Loxinfo, Internet Thailand เป็นต้น[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]JAVASCRIP, JAVA APPLET เป็นภาษาหนึ่งที่ใช้สำหรับการสร้างและตกแต่งเอกสารบน เวิลด์ ไวล์ เว็บ[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]LAN Local Area Network ระบบเครือข่าย สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล และทรัพยากรอื่น ๆ ได้ในพื้นที่จำกัด[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]LOG IN ขั้นตอนการขออนุญาต เข้าระบบ ปกติจะมี ID และ Password เป็นตัวควบคุม[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]MODEM Modulator/Demodulator อุปกรณ์สำหรับเชื่อมคอมพิวเตอร์ผ่านทางสายโทรศัพท์ ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลกันได้[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]MP4 MP4 หรือ Mpeg4 เป็นมาตรฐานในการย่อขนาดไฟล์เสียงและภาพยนตร์ที่มีความสามารถสูง โดยสามารถย่อไฟล์ภาพยนตร์ให้มีขนาดเล็กแต่ให้คุณภาพในระดับที่เกือบเทียบเท่าดีวีดี แต่ถ้าต้องการความคมชัดสูงก็สามารถบีบอัดหนังในคุณภาพระดับ High Definition ได้ (ไฟล์ DivX ก็เป็นไฟล์ชนิดหนึ่งที่เอามาตรฐานการลดขนาดภาพของ Mpeg4 มาใช้)

    เมื่อพูดถึงเครื่องเล่น MP4 ส่วนใหญ่มักจะหมายถึง เครื่องเล่นพกพาที่สามารถเล่นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวได้ เช่น หนัง คาราโอเกะ คลิปวิดีโอ นอกจากนี้ยังสามารถดู eBook (.txt) สมุดโทรศัพท์ เล่นเกม ฟังเพลง วิทยุเอฟเอ็ม อัดเสียง โฟโต้อัลบั้ม และจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชไดรฟ์ ซึ่งถ้าพูดจริงๆ แล้ว เครื่องที่เล่น MP4 ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเล่นภาพยนตร์ได้เสมอไป อาจเอาไว้ใช้ฟังเพลงที่ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสด้วย AAC (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน MPEG4) เท่านั้นก็ได้ เพียงแต่ปัจจุบันนี้ตัวเครื่องมักจะมีฟังก์ชันให้คุณใช้งานครบถ้วนแถมยังใส่ซิมเอาไว้ใช้แทนโทรศัพท์มือถือได้อีกต่างหาก[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]NEWSGROUPS กลุ่มสนทนาทางเครือข่าย หรือทางอินเตอร์เน็ต[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]PCI Peripheral Component Interconnect มาตรฐานการเชื่อมต่อ หรือ อินเตอร์เฟซ แบบใหม่ที่ให้ความเร็วสูงกว่า ISA แล EISA[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]POP SERVER Post Office Protocol คือ เซอร์เวอร์ที่ใช้ในการรับส่ง Email[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]PROTOCOL มาตรฐานที่ใช้ร่วมกัน ในการติดต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ด้วยกัน[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]PROXY SERVER เซอร์เวอร์หรือโฮสต์ ใช้สำหรับเพิ่มความเร็วในการเล่นเน็ต โดยเก็บข้อมูลใน proxy server ทำให้ผู้ใช้รายอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาข้อมูลในต่างประเทศอีก[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]ROUTER อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ทำหน้าที่แปลง package ของเครือข่ายหนึ่งให้เครือข่ายอื่นๆ เข้าใจได้[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]SCSI Small Computer System Interface การเชื่อมต่ออุปกรณ์ เพื่อรับ-ส่ง ข้อมูลถึงกัน[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]SEARCH ENGINE เครื่องมือช่วยในการค้นหา web site ต่างๆ บน internet[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]SERVER คอมพิวเตอร์แม่ข่าย ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเก็บข้อมูล[/*:m:1xvlnz04]

    [*:1xvlnz04]
 

pinkyangel

New member
SPAM MAIL Email ที่ถูกส่งมายังผู้รับ โดยผู้รับไม่ได้ยินยอม โดยมีลักษณะคือส่งมาบ่อย ๆ และมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขายสินค้าและบริการ[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]TCP/IP Transmission Control Protocol/Internet Protocal เป็นมาตรฐานอย่างหนึ่งในการสื่อสาร ทางด้านอินเตอร์เน็ต[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]TELNET เครื่องมือในการติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกล[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]TOKEN RING มาตรฐานการเชื่อมต่อเคเบิล อย่างหนึ่งในระบบเครือข่าย[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]UPLOAD วิธีการส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]URL Unique Resource Locator ชื่อของคอมพิวเตอร์ ใช้เพื่อระบุตำแหน่งของเอกสารบน เวิลด์ ไวด์ เว็บ[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]VPN Virtual Private Network หรือที่เรียกย่อๆ ว่า VPN หากอธิบายความหมายอย่างตรงไปตรงมามันก็คือ การสร้างเครือข่ายส่วนตัวโดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายสาธารณะ เพื่อเชื่อมต่อการทำงานระหว่างผู้ใช้ หรือกลุ่มผู้ใช้ที่อยู่ไกลออกไปเข้าด้วยกัน สำหรับเครือข่ายสาธารณะที่พูดถึงในที่นี้ แน่นอนว่า มันก็คือ อินเทอร์เน็ต นั่นเอง ดังนั้นหากจะกระชับความหมายของ VPN ให้สั้นลงไป เครือข่าย VPN ก็คือ การสร้างการเชื่อมต่อแบบเสมือน โดยใช้เส้นทางผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของเครือข่ายส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่น การที่บริษัทแห่งหนึ่ง หรือแม้กระทั่งบ้านจะสามารถเซตอัพ VPN เพื่อถ่ายโอนข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อลักษณะนี้ไปยังคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในสถานที่ห่างไกลออกไป หรือเฉพาะบุคคล (ผู้ใช้คนหนึ่ง) ที่ต้องการ (ราวกับว่า สามารถเปลี่ยนเครือข่ายสาธารณะอย่างอินเทอร์เน็ต มาใช้ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายส่วนตัวได้นั่นเอง) เครือข่ายไร้สายที่ใช้ฮอตสปอตเป็นตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งของการทำ VPN เนื่องจากสามารถใช้บริการฮอตสปอตตามสถานที่ต่างๆ เพื่อใช้เครือข่ายสาธารณะอย่างอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (หรือเซิร์ฟเวอร์ของทางบริษัท) เพื่อทำงานต่างๆ ได้นั่นเอง ปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ นิยมใช้ VPN กันมากขึ้น เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้พร้อมกับเครือข่ายของบริษัท เนื่องจากความง่าย และความคุ้มค่าในการเซตอัพเครือข่ายลักษณะนี้นั่นเอง VPN สามารถให้ประโยชน์กับผู้ใช้งานได้ทุกคน หากมันได้รับการออกแบบ และวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งมันมีข้อกำหนดบางอย่างที่ทุก VPN ควรจะมี เพื่อให้มันสามารถให้บริการได้อย่างเหมาะสมกับผู้ใช้ทุกคน ดังนั้น VPN ควรจะมีคุณสมบัติการทำงานในเรื่องของความปลอดภัย เสถียรภาพ ความสามารถในการขยายเครือข่าย การบริหารจัดการ และการควบคุมนโยบายการใช้งาน ซึ่งหากขาดคุณสมบัติที่ช่วยป้องกัน และดูแลการใช้เครือข่ายในลักษณะนี้แล้ว จะไม่สามารถควบคุมการใช้ VPN ได้ VPN ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายขอบเขคความสามารถในการเชื่อมต่อไปได้ทั่วโลก ซึ่งนั่นหมายความว่า สามารถเชื่อมต่อเข้าไปยังอินเทอร์เน็ตจากสถานที่แตกต่างกัน เพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของบริษัทได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น องค์กรต่างๆ ที่ใช้เครือข่ายลักษณะนี้จะช่วยลดต้นทุน (ทั้งเงิน และเวลา) ในการเชื่อมต่อระหว่างไซต์งานต่างๆ ตลอดจนการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างประเทศลงได้มากทีเดียว ซึ่งทำให้ผลิตภาพที่ได้สูงขึ้น VPN จะมีโครงสร้างเครือข่ายที่ง่าย และสนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์นอกสถานที่ในการทำงานร่วมกับองค์กร[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]WAN Wide Area Network ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่กว่า LAN สามารถติดต่อไปยังเครือข่ายภายนอกได้ทั่วโลก[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]WEBMASTER ชื่อตำแหน่งของผู้ที่สร้าง ดูแล จัดการ web ทั้งนี้อาจหมายถึงเจ้าของ web ก็ได้[/*:m:1xvlnz04] [*:1xvlnz04]WORLD WIDE WEB WWW หรือ Web ระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถค้นหาข้อมูลภายใน web[/left:1xvlnz04][/*:m:1xvlnz04][/list:eek::1xvlnz04][/cover:1xvlnz04] :ugeek:
 

PlAwAnSaI

Administrator
[cover:nduevp77][left:nduevp77]
  • [*:nduevp77]AAC เป็นการพัฒนาการเข้ารหัสและบีบอัดไฟล์เพลงที่ให้คุณภาพเหนือกว่า MP3 โดย สนับสนุน multichannel audio มีช่องความถี่สูงถึง 48 ช่อง ทำให้คุณภาพใกล้เคียงกับไฟล์เพลงต้นฉบับในแผ่นซีดีมาก[/*:m:nduevp77]

    [*:nduevp77]Ajax Ajax หรือ Asynchronous JavaScript and XML เป็นเทคนิคในการเขียนโปรแกรมของเว็บ ที่ช่วยขจัดปัญหาของการโหลดหน้าของเว็บ เพราะทุกครั้งที่ต้องการอัพเดตหน้าเว็บ ต้องมีการส่งและรับข้อมูลทั้งหน้า ทั้งๆ ที่ต้องการอัพเดตเฉพาะจุด เช่น ตัวเลขดัชนีหุ้น พยากรณ์อากาศ

    Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเว็บ แต่เป็นเทคนิคที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่คุ้นเคยกันดี เช่น

    [list:nduevp77][*:nduevp77]HTML หรือ XHTML และ CSS สำหรับการแสดงข้อมูล[/*:m:nduevp77]

    [*:nduevp77]DOM (Document Object Model) สำหรับให้ JavaScript ในการทำงานเพื่อใช้ในการแสดงไดนามิกข้อมูล [/*:m:nduevp77]

    [*:nduevp77]XML และ XSLT สำหรับการส่งข้อมูลและการจัดการข้อมูล[/*:m:nduevp77]

    [*:nduevp77]XMLHttpRequest เป็นออบเจ็กต์ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์[/*:m:nduevp77]

    [*:nduevp77]JavaScript คือเครื่องมือที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน[/*:m:nduevp77][/list:u:nduevp77]บราวเซอร์ที่สนับสนุน

    อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า Ajax เป็นเทคนิคที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรใหม่ จึงทำให้โปรแกรมบราวเซอร์ที่เป็นที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกับ Ajax ได้
    • [*:nduevp77]Apple Safari 1.2 หรือใหม่กว่า[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Konqueror[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Microsoft Internet Explorer 4.0 หรือใหม่กว่า[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Mozilla Firefox 1.0 หรือใหม่กว่า[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Netscape 7.1 หรือใหม่กว่า[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Opera 7.6[/*:m:nduevp77][/list:eek::nduevp77]

      สรุปก็คือ Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุดของการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชัน แต่มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถูกจับมารวบอยู่ด้วยกัน Ajax ในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ เพราะแม้แต่ Google ที่ได้รับการยอมรับว่ามีการพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีทางเว็บก้าวหน้าอย่างมากยังนำ Ajax มาใช้ในแอพพลิเคชันของตน นักพัฒนาชาวไทย คงต้องหันมาสนใจและนำ Ajax มาใช้มากขึ้น[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Blue Screen of Death เคยไหมที่อยู่ดีๆ คอมพิวเตอร์ก็เปลี่ยนทั้งหน้าจอเป็นสีน้ำเงินไปซะเฉยๆ ซึ่งมันอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ควรทราบก็คือ อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นหลายๆ ครั้งติดต่อกันก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดมากทีเดียว

      แล้ว สิ่งที่เรียกว่า หน้าจอสีน้ำเงิน (Blue Screen) นั้นหมายถึงอะไรล่ะ? คำว่า “Blue Screen” เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกแทน “หน้าจอแสดงข้อผิดพลาด” ที่มักจะอ้างอิงกับอาการผิดปกติของการทำงานที่เกิดขึ้นบนระบบปฎิบัติการ Windows นอกจากชื่อนี้แล้ว บางทีมันยังถูกเรียกว่า “stop error” (ข้อผิดพลาดที่ทำให้ระบบต้องหยุดทำงาน) ปกติแล้วข้อความต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอจะเป็นการบอกให้ผู้ใช้ทราบว่า คอมพิวเตอร์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอันเนื่องจากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในระบบนั่นเอง โดยหน้าจอแสดงข้อผิดพลาดในลักษณะนี้จะมีอยู่ใน Windows ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ Windows 3.1 แล้ว

      เมื่อใดก็ตามที่ระบบปฏิบัติการพบว่า มันมีขั้นตอนการทำงานที่ผิดปกติ และระบบไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หน้าจอสีน้ำเงินก็จะป๊อปอัพขึ้นมา ซึ่งวิธีที่ปลอดภัยสำหรับการออกจากหน้าจอน้ำเงินก็คือ รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ปัญหาของการเกิดหน้าจอน้ำเงินก็คือ ข้อมูลบางส่วนอาจสูญหายไปในระหว่างที่เกิดกระบวนการนี้ ผู้ใช้จะไม่มีโอกาสได้จัดเก็บงานแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น การปรากฏตัวของหน้าจอสีน้ำเงินจึงไม่ได้แค่ทำให้ระบบต้องหยุดทำงานเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความหายนะอื่นๆ อย่างเช่น การสูญเสียข้อมูลที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนั้นด้วยนั่นเอง แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกมันว่า “หน้าจอน้ำเงินแห่งมรณะ” ( Blue Screen of Death) ได้อย่างไร

      ปกติหน้าจอน้ำเงินที่ปรากฏใน Windows แต่ละเวอร์ชันจะแสดงข้อความที่แตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงการอ้างอิงข้อผิดพลาดต่างๆ ด้วย แต่โดยพื้นฐานของความผิดพลาดที่นำไปสู่ Blue Screen of Death มักจะมีสาเหตุมาจากปัญหาการติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่ ไวรัส หรือมัลแวร์ ตลอดจนอาจเกิดจากฮาร์ดแวร์เก่า หรือฮาร์ดแวร์ที่มีปัญหา ซึ่งสาเหตุของปัญหานั้นมีมากมาย โดยขึ้นอยู่กับชนิดของคอมพิวเตอร์ และแอพพลิเคชันที่ใช้ในเครื่อง สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับหน้าจอสีน้ำเงิน ต้องถือว่าเป็นเรื่องโชคร้ายจริงๆ แต่อย่างน้อยที่สุด สามารถออกจากมันได้ด้วยการรีบู๊ตเครื่องอย่างรวดเร็ว[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]CDMA 2000 1xEV-DO 1xEV-DO ย่อมาจาก First Evolution Data Optimized เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากเทคโนโลยี CDMA 2000 และเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับการอนุมัติจากสมาพันธ์โทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือไอทียู (ITU) ให้เป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานการสื่อสารไร้สายยุคที่ 3 หรือ 3G

      1xEV-DO เป็นเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายที่มีการส่งผ่านข้อมูลแบบแพ็คเก็ตด้วยประสิทธิภาพและความเร็วสูง ต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล ด้วยความเร็วสูงถึง 2.4 เมกะบิตต่อวินาที รองรับอุปกรณ์โมบายหลากหลายประเภท เช่น โทรศัพท์มือถือ พีดีเอ และโน้ตบุ๊ค เพื่อการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์

      1xEV-DO เป็นเทคโนโลยีที่มีระบบการทำงานของเครือข่ายแบบ Always On ทำให้สามารถโรมมิ่งสัญญาณได้ตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้เกิดการส่งผ่านข้อมูลผ่านระบบไร้สายเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ชีวิตในทุกๆ วันสะดวกสบายมากขึ้นด้วย[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]CMS Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ โดยที่ตัว CMS เองมีโปรแกรมประยุกต์ แบบพร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมาย อาทิ ระบบจัดการบทความและข่าวสาร (News and Story), ระบบจัดการบทวิจารณ์ (Review), ระบบจัดการสมาชิก (Mamber), ระบบสืบค้นข้อมูล (Search), ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด (Download), ระบบจัดการป้ายโฆษณา (Banner), ระบบการวิเคราะห์และตรวจสอบสถิติความนิยมในเว็บไซต์ (Analysis, Tracking and Statistics) เป็นต้น

      ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS มีหลายตัวด้วยกันอาทิเช่น PostNuke, PHP-Nuke, MyPHPNuke, Mambo, eNvolution, MD-Pro, XOOPs, OpenCMS, Plone, JBoss, Drupal เป็นต้น

      การประยุกต์ใช้ CMS ในวงการต่างๆ

      ระบบ CMS สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่างๆ หลากหลาย ตัวอย่างการนำซอฟต์แวร์ CMS มาประยุกต์ใช้งาน อาทิเช่น

      [list:nduevp77][*:nduevp77]การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา ธุรกิจบันเทิง หนังสือพิมพ์ การเงิน การธนาคาร หุ้นและการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ งานบุคคล งานประมูล สถานที่ท่องเที่ยว งานให้บริการลูกค้า[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]การนำ CMS มาใช้ในหน่วยงานของรัฐ อาทิเช่น งานข่าว งานประชาสัมพันธ์ การนำเสนองานต่างๆ ขององค์กร[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]การใช้ CMS สร้างไซต์ ส่วนตัว ชมรม สมาคม สมาพันธ์ โดยวิธีการแบ่งงานกันทำ เป็นส่วนๆ ทำให้เกิดความสามัคคี ทำให้มีการทำงานเป็นทีมเวิร์คมากยิ่งขึ้น[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กำลังได้รับความนิยมสูง[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]การนำ CMS มาใช้แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์ อื่นๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการพัฒนา[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]การใช้ CMS ทำเป็น Intranet Web Site สร้างเว็บไซต์ใช้ภายในองค์กร[/*:m:nduevp77][/list:u:nduevp77]แล้ว CMS กับ Web log มันต่างกันตรงไหน

      หากจะพูดแบบภาษาชาวบ้าน CMS ก็คือปู่ของ Blog เพราะ CMS เองก็สามารถนำมาทำเป็น Blog ได้ แต่ CMS มันมีความสามารถอื่นๆ อีกมากที่บล็อกทำไม่ได้[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Codec ย่อมาจาก “Coder-Decoder” หรือ “Compressor-Decompressor” ซึ่งหมายถึง กลไก (ของฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์) การเข้า หรือถอดรหัส หรือการบีบอัด และคลายข้อมูล โดย Codec จะสามารถใช้ได้กับข้อมูลที่เป็นออดิโอ ข้อความ และวิดีโอ ซึ่งจะใช้ Codec ทำงานร่วมกับแทรค (track) เสียง ข้อความที่เป็นซับไตเติล และวิดีโอ ในแอพพลิเคชันการประชุมผ่านระบบวิดีโอ และการถ่ายทอดสื่อต่างๆ ด้วยกลไกสตรีมมิ่ง ทั้งนี้ผู้ใช้อาจพบว่า คลิปวิดีโอบางไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจะมีการร้องขอ codec เฉพาะบางตัวก่อนที่จะสามารถเล่นไฟล์ได้[/*:m:nduevp77]

      [*:nduevp77]Cookies คือ ข้อมูลขนาดเล็กที่จะถูกส่งไปเก็บไว้ในบราวเซอร์

      เพื่อทำการเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชม เมื่อเปิดเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกครั้งในคราวหลัง

      เครื่องก็จะจำได้ทันทีว่าเคยเข้ามาเยี่ยมชมแล้ว

      Cookies ไม่ใช่โปรแกรมที่จะเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานแล้วทำลายไฟล์ต่างๆ

      แต่มีไว้เพื่อช่วยให้คอยติดตามว่าผู้ใช้แวะเยี่ยมหน้าใดบ้าง

      เริ่มต้นจากหน้าไหนจบลงด้วยหน้าไหนและบ่อยแค่ไหน

      ไม่ได้ใช้ Cookies เพื่อตรวจสอบว่าผู้ใช้คือใคร

      เพียงแต่บอกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์นี้เคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์แล้ว

      Cookies ไม่ได้ใช้สำหรับเก็บ

      ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่อีเมล์ หากไม่ประสงค์ให้ Cookies เข้าไปอยู่ในคอมพิวเตอร์

      สามารถ สั่งให้บราวเซอร์ปฏิเสธไฟล์ Cookies ได้

      ประโยชน์ของ Cookies :
      • [*:nduevp77]ใช้จัดเก็บข้อมูลของผู้แวะเข้ามาเยี่ยมชม และจัดเก็บข้อมูลของสมาชิก

        เพื่อใช้นำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

        ซึ่ง Cookies เหล่านี้จะเริ่มเก็บข้อมูลหลังจากที่ใส่รหัสผ่านของสมาชิก

        และจะหยุดการจัดเก็บข้อมูลเมื่อ ออกจากรหัสผ่าน หรือ log out[/*:m:nduevp77]

        [*:nduevp77]ใช้ประเมินจำนวนผู้เข้าชม การใช้บราวเซอร์แต่ละประเภทจะมีการใช้ Cookies ที่แตกต่างกันออกไป

        ทำให้สามารถจำแนกการใช้งานของผู้เข้าชมทั้งที่เป็นสมาชิกและมิได้เป็นสมาชิกได้

        ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ในการนำเสนอโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายโดยประเมินจากความสนใจ

        และพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต[/*:m:nduevp77]

        [*:nduevp77]ใช้ตรวจสอบความถี่ในการใช้งาน หรือรูปแบบการเข้าชม การตรวจสอบ Cookies นี้นอกจากจะทำให้เข้าใจถึงลักษณะนิสัย และพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ยังมีผลต่อการปรับปรุงบริการ เนื้อหา การโฆษณา และการส่งเสริมการขายต่างๆ ในเว็บไซต์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละบุคคล [/*:m:nduevp77][/list:eek::nduevp77][/*:m:nduevp77][*:nduevp77]Cross Site Scripting (XSS) คำนี้แฮคเกอร์ส่วนใหญ่จะเข้าใจดี เพราะมันเป็นเทคนิคที่ใช้ในการจับตาดูเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัย

        โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ต้องมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้เยี่ยมชมในการเข้าถึง และไม่มีการตรวจสอบข้อมูล เมื่อพวกเขากลับเข้ามาเยี่ยมชมซ้ำอีกครั้งในภายหลัง

        แฮคเกอร์จะแอบสร้างลิงค์ขึ้นมาใหม่บนเว็บไซต์เป้าหมาย ด้วยโค้ด หรือสคริปท์โดยอาศัยช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์นั้น แล้วแอบขโมยเอาข้อมูลที่ผู้ใช้กรอกเข้าไปโดยที่ผู้ใช้เข้าใจว่า ได้ให้ข้อมูลสำคัญกับทางเว็บไซต์ที่กำลังติดต่ออยู่ในขณะนั้น

        การโจมตีด้วยเทคนิค Cross Site Scripting แฮคเกอร์สามารถสร้าง และส่งลิงค์ไปให้กับเหยื่อ (ด้วยชื่อของเว็บไซต์ที่มีช่องโหว่ และต้องมีการป้อนข้อมูลเพื่อเป็นสมาชิก) ผ่านทางอีเมล์, เว็บบอร์ด เป็นต้น เมื่อแฮคเกอร์ได้ข้อมูลไปแล้ว พวกมันก็จะสวมรอยด้วยการใช้ข้อมูลล็อกออนเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ได้

        กล่าวโดยสรุปก็คือ Cross Site Scripting เป็นเทคนิคการส่งลิงค์ที่ฝังโค้ด หรือสคริปท์การทำงานของแฮคเกอร์เข้าไป เพื่อให้ปรากฎบนหน้าเว็บของเว็บไซต์ที่มีช่องโหว่ โดยหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญแล้วส่งกลับมาให้แฮคเกอร์แทนที่จะผ่านเข้าไปในเว็บไซต์ที่กำลังเข้าไปเยี่ยมชมอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง[/*:m:nduevp77]

        [*:nduevp77]DivX ไฟล์ที่ได้มาจากการเข้ารหัสตามมาตรฐานการบีบอัดสัญญาณภาพ MPEG-4 คุณภาพที่ไดจะใกล้เคียงกับดีวีดี (ขึ้นอยู่กับการ Encoder) แต่มีขนาดที่เล็กกว่า[/*:m:nduevp77]

        [*:nduevp77]Dynamic DNS ระบบไดนามิกดีเอ็นเอส เป็นระบบที่เก็บไอพีแอดเดรสกับโดเมนเนมของคอมพิวเตอร์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ คอมพิวเตอร์สามารถแจ้งไอพีแอดเดรสที่เปลี่ยนแปลงทุกๆ ครั้ง ให้กับดีเอ็นเอสเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการไดนามิกดีเอ็นเอส ผ่านทางโปรแกรมสำหรับแจ้งไอพีแอดเดรสอัตโนมัติ สามารถดาวน์โหลดได้จากผู้ให้บริการ

        ดังนั้น บริการไดนามิกดีเอ็นเอสจึงช่วยให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเอดีเอสแอลที่มีไอพีแอดเดรสแบบไม่คงที่ สามารถจัดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ขึ้นที่บ้านหรือสำนักงานได้

        โดยมีแอดเดรสเป็นโดเมนเนมแทนตัวเลข ซึ่งจะช่วยให้มีตัวตนในโลกของอินเทอร์เน็ต และนับเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโฆษณาให้กับธุรกิจ สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างคุ้มค่าและประหยัดนั่นเอง

        สำหรับผู้ให้บริการระบบไดนามิกดีเอ็นเอสก็มีอยู่หลายแห่ง แต่จะขอแนะนำบริการนี้ที่ http://www.no-ip.com ซึ่งมีบริการลงทะเบียนฟรี แต่จะได้โดเมนเนมแบบ yourname.no-ip.info หรืออื่นๆ ตามที่มีให้เลือกในแบบเงื่อนไขที่ฟรี[/*:m:nduevp77]

        [*:nduevp77]Easter eggs “Easter eggs” (อ่านว่า อีสเตอร์ เอกส์) แน่นอนว่า ไม่ได้กำลังจะพูดถึง ไข่ที่ถูกเขียนภาพสวยงามบนเปลือกในเทศกาลอีสเตอร์ หรือไข่พลาสติกที่เต็มไปด้วยลูกกวาดอยู่ภายใน หรือว่าไข่ช็อกโกเล็ต แต่การตามล่าไข่อีสเตอร์ในความหมายของคนไอทีต่างหาก

        ความจริง “Easter eggs” หรือไข่อีสเตอร์ในที่นี้ก็คือ คุณสมบัติใดๆ ของการทำงานที่ถูกซ่อนไว้ในซอฟต์แวร์ โดยผู้พัฒนาโปรแกรม ซึ่งซอฟต์แวร์ในที่นี้จะหมายรวมถึง DVD และเกมต่างๆ ด้วย ซึ่งในมุมมองของโปรแกรมเมอร์ อีสเตอร์ เอกส์ เป็นแค่อะไรบางอย่างที่ผู้สร้างต้องการใส่เพิ่มเข้าไปในซอฟต์แวร์ แต่ก็อยากจะซ่อนมันไว้ด้วยเหตุผลส่วนตัว (สะใจเล็กๆ) อีสเตอร์ เอกส์ สามารถเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ รายชื่อผู้สนับสนุนซอฟต์แวร์ที่ถูกซ่อนไว้ คำสั่งพิเศษ เรื่องตลก ข้อผิดพลาด แอนิเมชัน ข้อความลึกลับ (ที่ซ่อนไว้) และอื่นๆ อีกมากมายตามแต่จินตนาการ นอกจากนี้ มันยังอาจจะหมายถึงสัญลักษณ์อะไรบางอย่างที่ผู้พัฒนาคิดว่า มันเท่ห์ต่อการที่จะใส่เข้าไปในซอฟต์แวร์ เพียงเพื่อให้พวกเขาเข้าใจ (ไอเดียบางอย่าง) เวลาที่เรียกมันขึ้นมาดู

        อย่างไรก็ตาม บางทีคุณสมบัติการทำงานบางอย่างที่พบเห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจ อาจจะไม่ใช่อีสเตอร์ เอกส์เสมอไปก็ได้ โดยอีสเตอร์ เอกส์ของแท้จะต้องเข้าหลักเกณฑ์ 5 ข้อต่อไปนี้
        • [*:nduevp77]“อีสเตอร์ เอกส์” ที่พบจะต้องไม่มีการบันทึกรายละเอียดอยู่ในคู่มือเอกสาร และไม่สามารถสังเกตเห็นได้โดยง่าย การเข้าถึงต้องไม่เป็นไปตามขั้นตอนปกติ โดยส่วนใหญ่โปรแกรมเมอร์จะซุกซ่อนความสนุกสนานไว้ใน “อีสเตอร์ เอกส์” เหมือนกับเวลาที่เด็กๆ เปิดไข่อีสเตอร์ แล้วพบขนมมากมายอยู่ในนั้น แน่นอนว่า สิ่งที่ซ่อนไว้นั้นก็เพื่อความสนุกของเหล่านักพัฒนานั่นเอง[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]“อีสเตอร์ เอกส์” จะต้องทำซ้ำได้ ด้วยชุดคำสั่งเดียวกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้ความลับ และปฏิบัติตามขั้นตอนจะต้องพบกับอีสเตอร์ เอกส์แน่นอน[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]“อีสเตอร์ เอกส์” จะต้องถูกใส่เข้าไปในโปรแกรมด้วยเหตุผลความชอบส่วนตัวของผู้สร้าง ซึ่งอาจหมายถึง ลายเซ็นต์เท่ห์ๆ เรื่องตลกที่ค่อนข้างจะวงในถึงจะเคยได้ยิน ของขวัญที่อยากจะอภินันท์ให้กับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ เป็นต้น แน่นอนว่า ไข่อีสเตอร์จะต้องถูกใส่เข้าไปอย่างมีวัตถุประสงค์[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]“อีสเตอร์ เอกส์” จะต้องไม่แฝงเจตนาใดๆ ที่เป็นการมุ่งร้ายต่อผู้ใช้ หน้าที่หลักของไข่อีสเตอร์คือ การสร้างความสนุกสำหรับผู้ที่ล่ามันได้สำเร็จ โดยที่มันต้องไม่สร้างความเสียหายแต่อย่างใด[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดของ “อีสเตอร์ เอกส์” ก็คือ พวกมันต้องแฝงความบันเทิงให้กับผู้ที่หามันพบด้วย (อย่างน้อยก็ต้องสร้างความประหลาดใจได้บ้าง) แต่ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลย สิ่งที่พบก็ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นอีสเตอร์ เอกส์ได้เต็มปากเต็มคำนัก[/*:m:nduevp77][/list:eek::nduevp77]โปรแกรมใช้งานต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีไข่อีสเตอร์ซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้ยังใช้ Photoshop 6 ลองกดปุ่ม Ctrl + Alt แล้วคลิกเมนู Help เลือกคำสั่ง About Photoshop… จะเห็นไดอะล็อกบ๊อกซ์ที่แสดงรูปไตเติลเป็นรูปแมวในชุดขนสัตว์ (Venus in furs) และหลังเปิดทิ้งไว้ประมาณ 15 วินาที รายชื่อผู้พัฒนาที่อยู่ใต้รูปจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา และพอกดปุ่ม Alt มันก็จะเร่งความเร็วของรายชื่อพวกนี้ ลองไปเล่นกันดู สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตามล่าไข่อีสเตอร์แปลกๆ ได้ที่เว็บไซต์ http://www.eeggs.com และ http://www.eggheaven2000.com[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]eBook หนังสือหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้อ่านสามารถอ่านผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ ได้ เช่นไฟล์นามสกุลจำพวก .txt, .pdfs หรือ .pdb เป็นต้น[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]E-mail Scams ต่างทราบกันดีว่า ทุกวันนี้มีอีเมล์ต้มตุ๋น (E-mail Scams) ที่หลอกลวงด้วยเล่ห์อุบายต่างๆ แพร่กระจายอยู่บนอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่า อีเมล์ฉบับไหนหลอกลวง และอีเมล์ฉบับไหนจริง สำหรับเทคนิคง่ายๆ ก็คือ ไม่ควรเปิดไฟล์แนบใดๆ จากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก ซึ่งคำแนะนำที่ว่านี้ยังคงใช้ได้จริงในปัจจุบัน แต่หากอีเมล์ที่ได้รับเกิดมีข้อความที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ตลอดจนความโลภที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของปถุชนล่ะ คิดว่าจะทำอย่างไรกับอีเมล์ฉบับนั้น?

          ยกตัวอย่างเช่น อีเมล์เล่ห์อุบาย (E-mail Scams) ฉบับหนึ่งที่กำลังแพร่กระจายรวดเร็วมากก็คือ Nigerian หรือ 419 อีเมล์เหล่านี้จะล่อลวงผู้รับโดยบอกว่า มีความจำเป็นต้องโอนเงินจำนวนมากผ่านเข้าไปในบัญชีธนาคารของคุณ บางฉบับบอกกับผู้รับว่า เงินดังกล่าวมาจากสมาชิกครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ และเสียเวลาที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ แต่เชื่อไหมว่า มีผู้รับหลายรายทีเดียวติดตามด้วยความสนใจ แถมยังส่งหมายเลขบัญชีให้ตามที่อีเมล์เหล่านี้ร้องขออีกต่างหาก

          การตอบอีเมล์พวกนี้ไม่ได้สร้างความร่ำรวยให้แม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ควรทำกับอีเมล์พวกนี้มีเพียงอย่างเดียวนั่นคือ “ลบพวกมันออกไปซะ” ซึ่งถ้าเมล์ตอบกลับไป เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะถูกถามบัญชีธนาคาร และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ โดยนักต้มตุ๋นจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อโน้มน้าวให้เชื่อว่า พวกเขาเป็นตัวจริง (รวยจริง) แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ผู้ใช้หลายรายที่ติดกับหลงเชื่อตอบเมล์กลับไป ก็จะประสบกับปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย เนื่องจากนักต้มตุ๋นเหล่านี้จะนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ

          พึงระลึกว่า แม้อีเมล์ที่ได้รับจะดูเป็นทางการก็ตาม แต่มันอาจจะไม่ใช่ของจริงก็ได้ อย่าใส่ใจกับอีเมล์พวกนี้ หรือที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ ลบพวกมันออกไปจากคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว ย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีของฟรีในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ แน่นอน[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]HD DVD (High Definition DVD) เป็นมาตรฐานของออปติคอลดิสก์ซึ่งพัฒนาโดยโตชิบา ในรูปแบบของ ดีวีดี เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งมีความคมชัดมากกว่า DVD ในปัจจุบัน

          โดยมีขนาดของแผ่นเท่ากับแผ่น CD ธรรมดา และยิงด้วย blue laser แบบเดียวกับที่ใช้ใน Blu-ray Disc

          โดยในแบบ single layer จะความจุมากถึง 15 GB และ dual layer มีความจุ 30 GB ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Blu-ray Disc ซึ่งจุได้ 25 GB สำหรับ single layer และ 50GB สำหรับ dual layer อาจจะได้ความจุน้อยกว่าแต่ราคาจะถูกกว่า

          และทางโตชิบา มีแผนจะวางจำหน่ายเครื่องเล่น HD DVD ช่วงเดือนมีนา ที่จะถึงนี้ พร้อมกับทางค่ายหนังก็จะวางแผนจะออกวางจำหน่าย ดีวีดีแบบ Hi-Def ประมาณ 200 เรื่อง ทยอยตามออกมาในช่วงใกล้เคียงกัน

          รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ทาง Microsoft แถลงข่าวในงาน CES 2006 ว่าบริษัทวางแผนจะออก external add-on HD DVD drive สำหรับ Xbox 360 ภายในปี 2006[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]Hits คงจะเคยได้ยินคำว่า “ฮิต” (hit) กันมาบ้าง และไม่เพียงเท่านั้น น่าจะเคยใช้คำนี้ในความหมายที่อาจจะไม่ถูกต้องมาแล้วด้วย โดยเฉพาะความหมายของคำว่า “ฮิต” ที่แท้จริงในโลกของอินเทอร์เน็ต

          คำว่า ฮิต (Hti) ได้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เป็นการใช้ความหมายที่ผิดไปจากแนวคิดที่ซ่อนอยู่ในคำศัพท์คำนี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่คิดว่า ฮิต หมายถึง จำนวนครั้งของการเยี่ยมชมที่เว็บไซต์หนึ่งๆ ได้รับ โดยเข้าใจว่า ทุกครั้งที่ใครก็ตามเข้าไปยังเว็บไซต์แห่งนั้น นั่นหมายความว่า เว็บไซต์ได้เพิ่มอีกหนึ่งฮิต (เข้า 10 ครั้งก็ ได้ 10 ฮิต) ซึ่งความหมายที่แท้จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ จริงอยู่ที่คำว่า ฮิต จะมีความหมายเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ แต่มันไม่ได้มีความหมายอย่างที่เข้าใจกัน

          ความหมายของ “ฮิต” ที่แท้จริง หมายถึง จำนวนครั้งที่มีการร้องขอข้อมูลไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเข้าไปยังเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ซึ่งในหน้าเว็บ หรือโฮมเพจที่เข้าไปมีภาพอยู่ 7 ภาพ นั่นหมายความว่า บราวเซอร์จะต้องร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ให้ส่งภาพทั้ง 7 และอีก 1 ไฟล์ HTML ดังนั้น การร้องขอทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงรวมกันทั้งสิ้นได้ 8 ฮิต (7 ไฟล์ภาพ + 1 ไฟล์ HTML) หรือข้อมูลของจำนวนฮิตที่บันทึกเข้าไปในระบบอันเกิดจากผู้ใช้คนหนึ่งโหลดหน้าเว็บนี้ไปก็คือ 8 Hits นั่นเอง

          นอกจากคำว่า “ฮิต” จะมีความหมายดังกล่าวแล้ว คำนี้ยังถูกใช้ในหน้าผลลัพธ์ของ Search Engine อีกด้วย เมื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการใน Google (หรือเสิร์ชเอ็นจิ้นตัวอื่นๆ ที่ชื่นชอบ) เสิร์ชเอ็นจิ้นก็จะแสดงหน้าผลลัพธ์ขึ้นมา ซึ่งแต่ละลิงค์ในหน้าผลลัพธ์ที่ค้นพบคือ ฮิต ที่เกิดขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ถ้าคำที่ค้นหา ในหน้าผลลัพธ์แจ้งว่า พบ 500 หน้าเว็บที่ตรงกับคีย์เวิร์ด นั่นหมายความว่า ผลลัพธ์เสิร์ชที่ได้กลับมามี 500 Hits นั่นเอง[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]LSASS.EXE เวลาเปิดทาสก์แมแนเจอร์ (task manager กดปุ่ม Ctrl+Alt+Del) อาจจะเคยสังเกตเห็นแอพพลิเคชันตัวหนึ่งอยู่เป็นประจำชื่อว่า LSASS.EXE ผู้ใช้บางคนก็ซุกชนไปปิดมัน เพราะคิดว่า เป็นพวกไวรัส ปรากฎว่า ระบบก็ไม่ยอมให้ปิด

          ความจริง lsass.exe เป็นไฟล์แอพพลิเคชันที่มีความสำคัญมากสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows โดยชื่อ LSASS จะย่อมาจาก Local Security Authority Subsystem Service ซึ่งมีหน้าที่หลักคือ ช่วยจัดการระบบรักษาความปลอดภัย และล็อกอินของยูสเซอร์ โดยผู้ใช้สามารถพบไฟล์นี้ได้ในโฟลเดอร์ c:windowssystem32 หรือ c:winntsystem32 ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้ในขณะนั้น

          ผู้ใช้สงสัยว่า เขาควรจะปิดการทำงานของ lsass หรือไม่? เมื่อทราบความหมายของมันแล้วคงรู้คำตอบว่า ไม่ควรอย่างยิ่ง ที่สำคัญควรจะปล่อยให้มันทำงานเพื่อช่วยให้ระบบอยู่ในความปลอดภัย ข้อเท็จจริงก็คือ ถ้าพยายามปิดมัน (เช่นเดียวกับที่ปิดแอพฯ อื่นๆ ในทาสก์บาร์) ทาสก์แมแนเจอร์ก็จะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นอยู่ดี

          อย่างไรก็ตาม หากคอมพิวเตอร์ที่ใช้มีอาการล่มอยู่บ่อยๆ เนื่องจากไฟล์ lsass.exe นั่นอาจหมายความว่า มีไวรัส หรือสปายแวร์ติดเข้าไปในระบบแล้วก็ได้ เนื่องจากปี 2004 พบช่องโหว่ใน lsass ทำให้วายร้ายอย่างหนอนไวรัสที่ชื่อว่า Sasser ใช้ในการโจมตีได้ ผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกกังวลเวลาที่พบเห็นไฟล์ lsass โดยมักเข้าใจผิดคิดว่า ติดไวรัสเข้าไปแล้ว แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า lsass เคยถูกมองเป็นผู้ต้องหาในช่วงนั้น ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้ถูกกำจัดหมดไปแล้ว แต่นั่นหมายความว่า ได้อัพเดต Windows อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ แนะนำให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยให้กับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ด้วย[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]Malware มัลแวร์ หรือโปรแกรมประสงค์ร้าย ย่อมาจาก Malicious Software ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อจะทำให้ระบบมีปัญหา ไม่หวังดีกับระบบคอมพิวเตอร์

          โดยทั่วไปคำว่า malware จะเป็นคำเรียกรวมๆ ของ ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Virus), หนอนคอมพิวเตอร์ (Worm), ม้าโทรจัน (Trojan Horse), โปรแกรมแอบดักข้อมูล (Spyware), โปรแกรมโฆษณา (Adware), Backdoor, Key Logger ฯลฯ

          สำหรับการป้องกันก็ทำได้ง่ายๆ คือ ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและหมั่นอัพเดตอยู่เสมอ ก็น่าจะปลอดภัยแล้ว[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]NIC Cards คงจะเคยได้ยิน หรือพบเห็นคำว่า NIC (ออกเสียงว่า “นิค”) ตามสื่อไอทีมาบ้าง สำหรับมือใหม่อาจจะสงสัยว่า คำนี้หมายถึงอะไรกันแน่ ความจริง NIC ย่อมาจาก Network Interface Card หรือ “แผงวงจรสำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย” นั่นเอง ดังนั้น พื้นฐานการทำงานของแผงวงจร หรือ NIC Cards ก็คือ การเชื่อมต่อในระดับฮาร์ดแวร์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายเคเบิลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

          NIC Cards มักจะมาพร้อมกับคำว่า การเชื่อมต่อแบบอีเธอร์เน็ต (Ethernet connection) ที่มีขนาดต่างๆ กันได้แก่ 10, 100 และ 1,000 Base-T (คำว่า Base-T เป็นหนึ่งในหลายรูปแบบของการเชื่อมต่อ โดยสำหรับ Base-T จะใช้สายคู่ตีเกลียว ทำให้สายมีความอ่อนตัวยืดหยุ่นใช้งานง่าย) ตัวอย่างเช่น 100 Base-T Ethernet NIC Cards จะหมายถึง แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่ายแบบอีเธอร์เน็ตที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ความเร็ว 100 Mbps (เมกะบิตต่อวินาที) เป็นต้น

          สำหรับแผงวงจร NIC จะมีให้เลือกทั้งชนิดที่มีบัสเป็นแบบ ISA (Industry Standard Architecture) และ PCI (Peripheral Component Interconnect) และจะมีผู้ผลิตเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้น กล่าวโดยสรุปก็คือ ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ใดๆ ต้องมีแผงวงจรนิค (NIC Card) จึงจะทำได้นั่นเอง[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]PCI Express เทคโนโลยีใหม่สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อินพุต/เอาต์พุต โดยเฉพาะกราฟิกการ์ด มีแบนด์วิธกว้างกว่าและความเร็วสูงกว่ามาตรฐาน PCI ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

          มาตรฐาน PCI จะมีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงสุดที่ 133 เมกะไบต์ต่อวินาที (MBps) และเป็นการส่งผ่านแบบทิศทางเดียว เทียบกับ 250 MBps ต่อทิศทางของ PCI Express และเป็นการส่งผ่านข้อมูลแบบ 2 ทิศทาง รวมเป็นแบนด์วิธทั้งสิ้น 500 MBps

          นั่นหมายถึงความเร็วโดยรวมของระบบที่สูงขึ้น และประสิทธิภาพในการใช้งานเครือข่ายกิกะบิตที่สูงขึ้น ซึ่งปกติจะเกิดปัญหาคอขวด ทั้งยังเป็นการปูทางสำหรับเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น HDTV (High-Definition TV) และกราฟิกเทคโนโลยีระดับแอดวานซ์ด้วย[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]Podcast คำว่า “พอดแคสต์” ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในคำศัพท์ทางด้านเทคโนโลยีที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงรอบปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากคำกล่าวของบรรณาธิการ New Oxford American Dictionary

          นิยามของคำว่า Podcast ในพจนานุกรมอ๊อกฟอร์ดหมายถึง "การบันทึกรายการวิทยุกระจายเสียงในระบบดิจิตอล ที่จัดทำไว้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับดาวน์โหลดเข้าไปยังเครื่องเล่นออดิโอส่วนบุคคล (personal audio player)" ซึ่งผลจากความนิยมดังกล่าวทำให้คำว่า Podcast จะถูกเพิ่มเข้าไปในพจนานุกรมฉบับออนไลน์ตั้งแต่ต้นปี 2006 เป็นต้นไป

          “พอดแคสต์ได้รับการพิจารณาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่พบว่า มันยังเป็นศัพท์ที่มีผู้ใช้ไม่มากพอ อีกทั้งยังไม่มีคอนเซปต์ที่ชัดเจน” Erin McKean หัวหน้าบรรณาธิการของ New Oxford American Dictionary กล่าว “แต่ปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ซึ่งในที่สุดศัพท์คำนี้ก็เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์เครื่องเล่น iPod (ที่มีการจำหน่ายไปทั่วโลกกว่า 30 ล้านเครื่องแล้ว)”[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]Podcasting (ออกเสียงว่า “พอดแคสติ้ง”) เป็นคำผสมที่มาจากคำว่า iPod เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลยอดนิยมของแอปเปิ้ล (ปัจจุบันจำหน่ายไปทั่วโลกแล้วกว่า 30 ล้านเครื่อง) กับคำว่า Broadcasting ซึ่งหมายถึงการกระจายเสียง บรรดาเจ้าของ iPod จะเล่นพอดแคสต์บนเครื่องเล่น แต่ก็สามารถนำพอดแคสต์ไปเล่นบนเครื่องเล่นออดิโอรุ่นใดก็ได้ หรือจะใช้มีเดียเพลเยอร์บนพีซีก็ไม่ผิด พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ iPod เพื่อฟัง podcast นั่นเอง

          Podcasting เริ่มเป็นที่นิยมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีอัตราการเติบโตที่เร็วมากๆ โดยมันเปิดโอกาสให้ใครก็ได้สามารถบันทึกรายการวิทยุในรูปของไฟล์ดิจิตอล เพื่อเผยแพร่ออกไปทั่วโลกผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการกระจายไฟล์ดังกล่าวจะกระทำผ่านกระบวนการที่เรียกว่า RSS

          ปัจจุบันมีบริการพอดแคสต์มากมายบนอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเว็บไซต์ที่รวบรวมพอดแคสต์ที่เปิดให้บริการที่สามารถเข้าไปเลือกหามาทดลองฟัง (ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว) ก็เช่น http://www.ipodder.org นอกจากนี้บรรดาเว็บไซต์ของสำนักข่าวดังๆ อย่าง http://www.cnn.com, http://www.bbc.com, http://www.abcnews.com ก็ได้ให้บริการในลักษณะนี้แล้วด้วย[/*:m:nduevp77]

          [*:nduevp77]Ransomware ransomware กำลังกลายเป็นภัยออนไลน์ที่น่าจับตามอง มาจากคำว่า ransom บวกกับคำว่า ware คำย่อของ software แปลตรงตัวได้ความว่าโปรแกรมเรียกค่าไถ่ แม้จะยังไม่มีการบัญญัติศัพท์นี้อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการใช้งานแพร่หลายในข้อเขียนของกูรูไอที กระบวนการเรียกค่าไถ่ไฟล์นั้นจะเริ่มจากโจรไฮเทคใจร้ายใช้โปรแกรมเข้ารหัส "ล็อค" ไฟล์เอกสาร ทำให้เหยื่อไม่สามารถเข้าใช้ไฟล์ได้ จากนั้นจะทิ้งข้อความเกี่ยวกับจำนวนเงินเรียกค่าไถ่พร้อมกับอีเมลแอดเดรสติดต่อกลับ เมื่อได้รับเงินแล้วจึงจะส่งโปรแกรมปลดล็อคมาให้ทางอีเมล ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการแพร่กระจายของ ransomware จะเป็นไปในลักษณะใด เนื่องจากยังไม่พบการแพร่กระจายในวงกว้างผ่านการส่งอีเมลแนบไวรัส อาจจะเป็นไปได้ว่า โค้ดโปรแกรมเรียกค่าไถ่อาจถูกฝังไว้บนหน้าเว็บเพจ โปรแกรมจะติดตั้งตัวเองลงในเครื่องแบบอัตโนมัติ ใช้เทคนิคไม่ต้องร
 

pinkyangel

New member
ช่างขยันสรรหาความรู้มาให้เพื่อนจิงๆ



ดีดี



ขยันเข้าไว้



ขยันเผื่อด้วยนะ
 

PlAwAnSaI

Administrator
[cover:1jl0h6dl][left:1jl0h6dl]
  • [*:1jl0h6dl]ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) เทคโนโลยีหนึ่งใช้ในการรับส่งข้อมูลความเร็วสูง ผ่านทางสายโทรศัพท์[/*:m:1jl0h6dl]

    [*:1jl0h6dl]ASP (Active Server Page) ภาษาหนึ่งในการพัฒนาเว็บในรูปแบบที่สามารถโต้ตอบกันได้ และเชื่อมกับระบบฐานข้อมูล ซึ่งพัฒนาโดย Microsoft[/*:m:1jl0h6dl]

    [*:1jl0h6dl]CDMA (Code Division Multiple Access) อีกรูปแบบหนึ่งในการรับส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยมีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 153 kpbs[/*:m:1jl0h6dl]

    [*:1jl0h6dl]CGI (Common Gateway Interface) การเชื่อมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่ไม่ได้ใช้มาตรฐานสื่อสาร HTTP เช่นการเขียน FORM ในกรอบข้อมูลเป็นต้น สำหรับภาษาที่ใช้เขียน CGI ได้แก่ Perl หรือ C[/*:m:1jl0h6dl]

    [*:1jl0h6dl]EDP (Electronic Data Processing) ประมวลผลข้อมูลทางด้านอิเล็คทรอนิคก์ [/*:m:1jl0h6dl][/list:eek::1jl0h6dl][/left:1jl0h6dl][/cover:1jl0h6dl]
    icon_e_ugeek.gif
 
Top