PlAwAnSaI
Administrator
ปีใหม่กับการได้อยู่กับครอบครัว และเวลาว่างสำหรับการอ่านหนังสือหนึ่งเล่ม ผมเลือกเล่มนี้เพราะอยากรู้ว่าอาจารย์ที่สอนมหาวิทยาลัยระดับโลกเค้าเป็นยังไงบ้าง มหาวิทยาลัยที่นักศึกษา MBA จบใหม่ คนที่เงินเดือนน้อยที่สุดในรุ่น ได้เงินเดือน 100k฿
Code:
http://www.oneredpaperclip.com
โลกแห่งความเป็นจริงค่อนข้างแตกต่างจากห้องเรียนทั่วไป เพราะมันไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว...ไม่มีคำตอบที่แจ่มแจ้งเสมอไป ดังนั้น การเผชิญหน้ากับทางเลือกมหาศาลที่อยู่ตรงหน้าจึงอาจเป็นเรื่องที่เกินรับไหวสำหรับหลายๆ คน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ครอบครัว เพื่อน และคนใกล้ตัวจะยินดีให้คำแนะนำตรงๆ ว่าเราควรจะทำอะไร แต่มันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง และสิ่งสำคัญที่ควรรู้ไว้ก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก เพราะชีวิตจะมอบโอกาสมากมายให้เราได้ทดลอง...ได้ผสมผสานทักษะเข้ากับความหลงใหลในแบบที่แปลกใหม่และน่าประหลาดใจอย่างที่เราไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย
เราสามารถท้าทายตัวเองได้ทุกๆ วัน กล่าวคือ เราสามารถเลือกที่จะมองโลกผ่านแว่นตาอันใหม่...แว่นตาที่ช่วยให้เรามองปัญหาในแง่มุมที่แตกต่างออกไป ยิ่งเราเข้าไปจัดการกับปัญหาได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมั่นใจและเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหามากเท่านั้น จากนั้นเราก็จะยิ่งมองปัญหาให้เป็นโอกาสได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย
การไม่ทำอะไรเลยกับการลงมือทำอะไรบางอย่างนั้นมีเพียงแค่เส้นบางๆ คั่นอยู่ แต่ผลลัพธ์ของทั้งสองทางเลือกนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กุญแจสำคัญของการค้นหาความต้องการคือ การบ่งชี้ช่องโหว่ และเข้าไปเติมเต็มช่องโหว่นั้น ไม่ว่าจะเป็นช่องโหว่ของการใช้งานผลิตภัณฑ์ ช่องโหว่ของการบริการ หรือแม้แต่ช่องโหว่ของเรื่องราว
คนส่วนใหญ่ไม่ยอมทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายเพื่อไปเผชิญกับปัญหาขนาดมหึมาในดินแดนอันห่างไกล แต่ปัญหาที่มีขนาดเล็กกว่านั้นมากก็ทำให้ผู้คนมากมายหวาดหวั่นเช่นกัน สำหรับหลายๆ คนแล้ว การเปลี่ยนงานหรือการย้ายไปต่างเมืองก็ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยพอๆ กับการเดินทางไปทำงานบรรเทาทุกข์ในต่างแดนเลยทีเดียว การยึดติดกับบทบาทที่ "ดีพอแล้ว" นั้นช่วยให้เราสบายใจกว่าการเดินหน้าไปสู่ทางเลือกที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า พวกเราส่วนใหญ่พอใจกับการเดินหน้าไปทีละน้อยๆ แต่มั่นคง ถึงแม้จะไปได้ไม่ไกลมาก แต่ก็ไม่ทำให้เรือของเราโคลงเคลงเช่นกัน
ความสำคัญของความกระตือรือร้นที่ออกมาจากใจ ตรงกันข้ามกับแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเงิน มิชชันนารีผู้ทำหน้าที่ด้วยใจรักกับคนงานรับจ้างที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน บริษัทที่ประสบความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ด้วยพลังแบบมิชชันนารี
Cr: The Monk and the Riddle
"การสร้างความหมายเหนือกว่าการสร้างรายได้" หากเป้าหมายของคุณคือการพยายามแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ด้วยแนวทางที่สร้างสรรค์ (การสร้างความหมาย) คุณย่อมมีแนวโน้มที่จะทำเงินได้มากกว่าการยึดเงินเป็นเป้าหมายในท้ายที่สุด
Cr: กาย คาวาซากิ
ปัญหาที่รอให้มีคนเข้ามาแก้ไขอย่างสร้างสรรค์นั้นมีอยู่มากมาย แต่ก็ต้องอาศัยไหวพริบในการสังเกต การทำงานเป็นทีมที่สอดประสานกัน ความสามารถในการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ความเต็มใจที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลว และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ แต่คุณสมบัติแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ การคิดว่าไม่ว่าปัญหาใดก็สามารถแก้ไขได้ ยิ่งคุณมีประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหามากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมั่นใจว่าตัวเองสามารถหาทางออกได้มากเท่านั้น
เราจะแยกแยะกฎออกจากคำแนะนำอย่างไร เมื่อไหร่ที่กฎจะเป็นแค่คำแนะนำและเมื่อไหร่ที่คำแนะนำจะกลายเป็นกฎ ทุกวันนี้ป้ายสัญญาณทั้งหลายบอกเราว่าต้องทำอะไร คู่มือต่างๆ ชี้แนะว่าเราควรปฏิบัติตัวอย่างไร และกฎเกณฑ์ทางสังคมคอยเตือนให้เราประพฤติตัวภายในขอบเขตที่กำหนดไว้ อันที่จริงแล้ว เรายังตั้งกฎมากมายให้กับตัวเองอีกด้วย (ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากคนอื่น) เมื่อเวลาผ่านไป กฎทั้งหลายก็ถักทอเข้ากับชีวิตของแต่ละคน เราขีดเส้นในจินตนาการล้อมรอบสิ่งที่เราคิดว่าสามารถทำได้ ซึ่งคอยจำกัดตัวเราเองมากกว่ากฎเกณฑ์ที่สังคมวางไว้เสียอีก เราตีกรอบให้กับตัวเองตามอาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัย รถยนต์ที่ขับ การศึกษา หรือแม้แต่ราศี ซึ่งล้วนแล้วแต่กักขังเราไว้ในสมมุติฐานที่เฉพาะเจาะจงว่าเราสามารถเป็นและทำอะไรได้บ้าง
Code:
http://www.oneredpaperclip.com
โลกแห่งความเป็นจริงค่อนข้างแตกต่างจากห้องเรียนทั่วไป เพราะมันไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว...ไม่มีคำตอบที่แจ่มแจ้งเสมอไป ดังนั้น การเผชิญหน้ากับทางเลือกมหาศาลที่อยู่ตรงหน้าจึงอาจเป็นเรื่องที่เกินรับไหวสำหรับหลายๆ คน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ครอบครัว เพื่อน และคนใกล้ตัวจะยินดีให้คำแนะนำตรงๆ ว่าเราควรจะทำอะไร แต่มันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง และสิ่งสำคัญที่ควรรู้ไว้ก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ถูกต้องตั้งแต่แรก เพราะชีวิตจะมอบโอกาสมากมายให้เราได้ทดลอง...ได้ผสมผสานทักษะเข้ากับความหลงใหลในแบบที่แปลกใหม่และน่าประหลาดใจอย่างที่เราไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย
เราสามารถท้าทายตัวเองได้ทุกๆ วัน กล่าวคือ เราสามารถเลือกที่จะมองโลกผ่านแว่นตาอันใหม่...แว่นตาที่ช่วยให้เรามองปัญหาในแง่มุมที่แตกต่างออกไป ยิ่งเราเข้าไปจัดการกับปัญหาได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมั่นใจและเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหามากเท่านั้น จากนั้นเราก็จะยิ่งมองปัญหาให้เป็นโอกาสได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย
การไม่ทำอะไรเลยกับการลงมือทำอะไรบางอย่างนั้นมีเพียงแค่เส้นบางๆ คั่นอยู่ แต่ผลลัพธ์ของทั้งสองทางเลือกนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กุญแจสำคัญของการค้นหาความต้องการคือ การบ่งชี้ช่องโหว่ และเข้าไปเติมเต็มช่องโหว่นั้น ไม่ว่าจะเป็นช่องโหว่ของการใช้งานผลิตภัณฑ์ ช่องโหว่ของการบริการ หรือแม้แต่ช่องโหว่ของเรื่องราว
คนส่วนใหญ่ไม่ยอมทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายเพื่อไปเผชิญกับปัญหาขนาดมหึมาในดินแดนอันห่างไกล แต่ปัญหาที่มีขนาดเล็กกว่านั้นมากก็ทำให้ผู้คนมากมายหวาดหวั่นเช่นกัน สำหรับหลายๆ คนแล้ว การเปลี่ยนงานหรือการย้ายไปต่างเมืองก็ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยพอๆ กับการเดินทางไปทำงานบรรเทาทุกข์ในต่างแดนเลยทีเดียว การยึดติดกับบทบาทที่ "ดีพอแล้ว" นั้นช่วยให้เราสบายใจกว่าการเดินหน้าไปสู่ทางเลือกที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า พวกเราส่วนใหญ่พอใจกับการเดินหน้าไปทีละน้อยๆ แต่มั่นคง ถึงแม้จะไปได้ไม่ไกลมาก แต่ก็ไม่ทำให้เรือของเราโคลงเคลงเช่นกัน
ความสำคัญของความกระตือรือร้นที่ออกมาจากใจ ตรงกันข้ามกับแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเงิน มิชชันนารีผู้ทำหน้าที่ด้วยใจรักกับคนงานรับจ้างที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน บริษัทที่ประสบความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ด้วยพลังแบบมิชชันนารี
Cr: The Monk and the Riddle
"การสร้างความหมายเหนือกว่าการสร้างรายได้" หากเป้าหมายของคุณคือการพยายามแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ด้วยแนวทางที่สร้างสรรค์ (การสร้างความหมาย) คุณย่อมมีแนวโน้มที่จะทำเงินได้มากกว่าการยึดเงินเป็นเป้าหมายในท้ายที่สุด
Cr: กาย คาวาซากิ
ปัญหาที่รอให้มีคนเข้ามาแก้ไขอย่างสร้างสรรค์นั้นมีอยู่มากมาย แต่ก็ต้องอาศัยไหวพริบในการสังเกต การทำงานเป็นทีมที่สอดประสานกัน ความสามารถในการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ความเต็มใจที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลว และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ แต่คุณสมบัติแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ การคิดว่าไม่ว่าปัญหาใดก็สามารถแก้ไขได้ ยิ่งคุณมีประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหามากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมั่นใจว่าตัวเองสามารถหาทางออกได้มากเท่านั้น
เราจะแยกแยะกฎออกจากคำแนะนำอย่างไร เมื่อไหร่ที่กฎจะเป็นแค่คำแนะนำและเมื่อไหร่ที่คำแนะนำจะกลายเป็นกฎ ทุกวันนี้ป้ายสัญญาณทั้งหลายบอกเราว่าต้องทำอะไร คู่มือต่างๆ ชี้แนะว่าเราควรปฏิบัติตัวอย่างไร และกฎเกณฑ์ทางสังคมคอยเตือนให้เราประพฤติตัวภายในขอบเขตที่กำหนดไว้ อันที่จริงแล้ว เรายังตั้งกฎมากมายให้กับตัวเองอีกด้วย (ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากคนอื่น) เมื่อเวลาผ่านไป กฎทั้งหลายก็ถักทอเข้ากับชีวิตของแต่ละคน เราขีดเส้นในจินตนาการล้อมรอบสิ่งที่เราคิดว่าสามารถทำได้ ซึ่งคอยจำกัดตัวเราเองมากกว่ากฎเกณฑ์ที่สังคมวางไว้เสียอีก เราตีกรอบให้กับตัวเองตามอาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัย รถยนต์ที่ขับ การศึกษา หรือแม้แต่ราศี ซึ่งล้วนแล้วแต่กักขังเราไว้ในสมมุติฐานที่เฉพาะเจาะจงว่าเราสามารถเป็นและทำอะไรได้บ้าง
