ProfessorX
Administrator
(จากซ้านไปขวา) นายโจเซฟ ทุซซี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการของอีเอ็มซี นายพอล มาริทซ์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวีเอ็มแวร์ และนายจอห์น เชมเบอร์ส ประธาน และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของซิสโก้
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในวงการไอที ล่าสุดซิสโก้และอีเอ็มซีพร้อมวีเอ็มแวร์ เปิดตัวกลุ่มความร่วมมือนาม Virtual Computing Environment หวังโกยรายได้ในตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งและเวอร์ซวลไลเซชันโลกซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์มูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ การันตีเป็นครั้งแรกของความร่วมมือแบบครบวงจร ทั้งโครงสร้างพื้นฐานไอที การออกแบบ บริการ และการสนับสนุนจาก 3 ยักษ์ใหญ่ เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ต้องเลือกค่ายอีกต่อไป
ทั้งสามบริษัทฯ ระบุว่า Virtual Computing Environment จะสามารถเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจให้กับผู้บริโภคกลุ่มองค์กรธุรกิจ และสามารถลดค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องการนำระบบการทำงานเสมือนหรือเวอร์ชวลไลเซชันและการประมวลผลกลุ่มเมฆหรือคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) มาใช้ในองค์กร (เรียกว่าระบบไพรเวทคลาวด์คอมพิวติ้ง : Private Cloud Computing) ซึ่งงานวิจัยมากมายยืนยันว่า 2 เทคโนโลยีนี้จะเป็นเทคโนโลยีในฝันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกพยายามขนขวายติดตั้งมากขึ้นในอนาคต
"ซิสโก้ อีเอ็มซี และวีเอ็มแวร์ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในช่วงปีที่ผ่านมา ภายใต้วิสัยทัศน์ร่วมกันในเรื่องอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร นั่นคือระบบไพรเวทคลาวด์คอมพิวติ้ง กลุ่มความร่วมมือ Virtual Computing Environment จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถเร่งการปฏิรูปศูนย์ข้อมูลบนค่าใช้จ่ายทั้งในด้านต้นทุนและการดำเนินงานที่ถูกลง ขณะเดียวกัน องค์กรก็จะไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างเทคโนโลยีที่ดีที่สุดหรือผู้ผลิตที่จัดหาโซลูชั่นแบบครบวงจรอีกต่อไป" เนื้อความในจดหมายประชาสัมพันธ์ระบุ
ไพรเวทคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศแบบเสมือน ที่ออกแบบมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หลายตัวทำงานร่วมกันจนมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ตัวใหญ่ราคาแพง ผู้ใช้สามารถควบคุมและใช้งานอย่างปลอดภัยในแต่ละองค์กร โดยบริษัทนั้นๆสามารถดูแลและบริหารจัดการระบบเอง หรืออาจว่าจ้างให้องค์กรอื่นดูแลก็ได้ ระบบมีความยืดหยุ่นมากเพราะสามารถตั้งภายในหรือภายนอกองค์กรก็ได้ ปลอดภัยสูงในระดับเทียบเท่ากับดาต้าเซ็นเตอร์ปัจจุบัน คล่องตัวแถมลดค่าใช้จ่าย
ผลลัพท์ของการร่วมมือระหว่าง 3 บริษัทคือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตระกูล Vblock Infrastructure Packages เป็นการผนวกรวมเทคโนโลยีการทำงานเสมือนแบบครบวงจรทั้งระบบเครือข่าย ระบบประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล การรักษาความปลอดภัย และการบริหารจัดการ จากทั้งซิสโก้ อีเอ็มซี และวีเอ็มแวร์ รวมถึงการทดสอบ รับรองอย่างสมบูรณ์ และพร้อมใช้งานได้ทันที จากทั้งสามยักษ์ไอที
"กลุ่มความร่วมมือดังกล่าวจะผลักดันให้มีการปรับใช้ระบบ Vblock อย่างกว้างขวาง โดยจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ติดตั้งระบบ ผู้ให้บริการ ตัวแทนจำหน่าย และผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังให้บริการระดับผู้เชี่ยวชาญทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า"
จุดขายที่แตกต่างเมื่อเทียบกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจากผู้ผลิตรายเดียว คือ Vblock Infrastructure Packages สามารถปรับเพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์ในระบบได้อย่างง่ายดายตั้งแต่ 300-800 เครื่องจนถึง 3,000-6,000 เครื่อง ขณะที่ผู้ติดตั้งระบบ-ผู้ให้บริการ-ตัวแทนจำหน่าย และ ISV จะสามารถต่อขยาย Vblock Infrastructure Packages ได้อย่างเหมาะสม โดยทั้ง 3 บริษัทการันตีว่าลูกค้าที่ได้ทดลองใช้งานแล้ว พบว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์สำหรับการใช้งานและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์แบบเสมือน
การจำหน่ายจะทำผ่านเครือข่ายคู่ค้า Vblock ซึ่งเป็นผู้ติดตั้งระบบชั้นนำ 6 รายที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ Accenture, Capgemini, CSC, Lockheed Martin, Tata Consulting Services และ Wipro
ความร่วมมือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการกอดคอสนับสนุนตลาดจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการระบบคอมพิวเตอร์เสมือนทั่วโลกให้เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามข้อมูลประมาณการของบริษัทวิจัยแมคคินซีย์ พบว่าการใช้จ่ายทั่วโลกในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและบริการสำหรับเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์จะมีมูลค่าสูงเกินกว่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
แมคคินซีย์เชื่อว่าภายในปีพ.ศ. 2558 ประมาณ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 20% ของมูลค่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเสมือนและระบบไพรเวทคลาวด์ นี่คือเค้กขนาดมหึมาที่ทั้ง 3 ยักษ์ไอทีจ้องตาเป็นมัน
ข่าว : CyberBiz