ชีวิตในค่ายทหาร

ProfessorX

Administrator
คือไม่ใช่ของผมนะแต่เอามาจากเว็บเพื่อนบ้านอ่านแล้วสนุกดีเลยเอามา ให้อ่านกันมั่ง(รอบ 2)




พอดี กุเข้าไปในเวบโรงเรียนเก่ากุ

มีคนเอาไปโพสไว้

ยาวมาก ขอบอก
ใครขี้เกียจอ่านก็ไม่ต้องอ่านก็ได้

แต่ขอแนะนำให้อ่าน สนุกดี ขนาดกุไม่ชอบอ่านไรยาวๆ กุยังอ่านจนจบ



.......



ถึง….



เห็นมึงเคยบอกในกระทู้ ให้ส่งข่าวมึงบ้าง วันนี้กูว่างเลยเขียนหามึง



ช่วงที่กูหายไป กูไปเป็นทหารมา



สาเหตุก็จะมีห่าอะไร วันจับใบดำใบแดง แม่งอัตรา 1 ต่อ 45 โว้ย แต่มือกู

แม่งจับได้ใบแดง ซวยชิบหาย



วันก่อน ประดิษฐ์ จันทร์มั่น (คนละคนกับ ประดิด จันทร์หมาย ของมึง) ถามกูว่า

จริงหรือเปล่าที่ดาราที่มันเป็นทหาร ชอบพูดว่า เป็นทหารได้อะไรกว่าที่คิด



จะได้เหี้-อะไรล่ะโว้ย แต่มันก็มีบ้าง หากมองในแง่ดี กูจะเรียงเป็นข้อๆ



1. ได้รู้ว่ามนุษย์ก่อนมีวัฒนธรรมและอารยธรรมมันอยู่กันอย่างไร



2. ได้อึด อดทน เหนื่อยสัตว์ๆ เหนื่อยแทบตาย



3. ได้รู้สภาพที่ คนเขาพูดกันว่า มีปากเหมือนมีตูดนะ มันรันทดแค่ไหนสำหรับคน

ปากหมาอย่างกู





4. เลี้ยงง่าย มีอะไรก็แดกได้หมดแหละ



5. เกลื้อนบนต้นแขนทั้งสองข้าง กูอัศจรรย์โว้ย ทั้งแขนซ้ายแขนขวาแม่งตำแหน่ง

เดียวกันเป๊ะ



6. กลากรูปห่าอะไรก็ไม่รู้ (แต่น้องกูว่าเหมือนสากกะเบือ) บนแผ่นหลัง



7. สังคังที่แม่งลอกได้เหมือนงู



8. ความหน้าด้าน หน้าทน มึน แม่งไม่รู้จักอาย



และมีอีกหลายข้อที่กูกำลังจะเขียนให้มึงอ่านอยู่นี่



กูเป็นทหารสังกัด กองพันทหารราบ กรม..(ขออนุญาตตัดออก เพื่อภาพพจน์ที่ดี

งามของกองทัพบก) ที่จริงกรมกูอยู่แถวสนามหลวง แต่ต้องไปฝึก

ทหารใหม่สองเดือนที่....(ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่ออีก เหมือนกัน)

เมืองกาญจน์





มึงเอ๊ย วันแรกที่เข้ามา พวกกูต้องพักที่กรมแถวสนามหลวงก่อน แล้วเป็นเย็นวัน

ศุกร์ กุญแจคลังอาภรณ์เครื่องใช้ทหารอยู่กับจ่ากองร้อย แล้วจ่ากองร้อยดันเสือก

ไปต่างจังหวัดอีก



มึงนึกภาพตามนะ เริ่มเย็นวันศุกร์ ออกกำลังเล็กๆน้อยๆ วิ่งรอบกองพันสามสิบรอบ

(เคล็ดแม่ง!!!เล็กๆน้อยๆของมัน..กูแทบตาย) วิ่งโดยที่รองเท้าไม่มี วิ่งเสร็จยืนเข้า

คิวตัดผม ช่างตัดผมของทัพบกนี่ฝีมือชิบหายว่ะ แม่งตัดได้ไงใช้เวลาไม่เกินนาที

ต่อหัว



คิดดูวิ่งเหนื่อยก็เหนื่อย เหงื่อก็ท่วม เสื้อก็มีแต่เศษผม แม่งทั้งคันทั้งคาย หงุดหงิด

โว้ย อาบน้ำโดยที่ไม่มีสบู่ มีขัน 10 ใบกับคน 90 คน แปรงสีฟันไม่มี ผ้าเช็ดตัวไม่

มี และแน่นอนแก้ผ้าอาบ



คืนนั้นกูถึงฝัน



เคล็ดแม่ง! กล้วยเต็มห้องจนจะล้มทับกู ดีที่กูตื่นทัน



ตั้งแต่วันศุกร์ ยันเช้าวันจันทร์ กูแม่งเน่ากับกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวเดียวที่เต็ม

ไปด้วยเศษผม แล้วสองวันนี่แม่งไม่ได้อยู่เฉยๆ นะเว้ย เช้าวิ่งเปลือยตีน กลางวัน

ลอกท่อ บ่ายวิ่งอีกรอบ



ลอกท่อนะ กลิ่นแม่งสัตว์ๆ น้องๆส้วมเลยมึง แล้วเสื้อผ้าไม่มีเปลี่ยน กลิ่นน้ำครำ

แม่งติดตัวตลอดเวลา แดกข้าวแทบไม่ลง



กว่าจะถึงเช้าวันจันทร์กูแม่งร่ำๆ จะถอดกางเกงในทิ้ง ก็มันทั้งชื้น ทั้งเหนอะ เวลากู

วิ่งแม่งสีกับโคนขาเจ็บชิบหาย



เช้าวันจันทร์ถึงได้รับแจก ชุดฝึก 2 ชุด กางเกงใน กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดอย่าง

ละ 2 ตัว ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ รองเท้าเดินป่า รองเท้าคอมแบทและรองเท้าแตะ

อย่างละคู่ ผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ขันน้ำ ถังน้ำ เข็มด้าย กระจก แป้ง มีด

โกนหนวด มีดตัดเล็บ หมอนผ้าห่ม มุ้ง เสื้อกันหนาว (เดือนพฤศจิกายนปีนั้น เมือง

กาญจน์ฯ หนาวโคตร) ได้ของครบก็ถูกต้อนขึ้นรถมุ่งสู่เมืองกาญจน์



ชีวิตทหารของจริงใกล้เข้ามาแล้ว กูระทึก



ถึงเมืองกาญจน์



90 ชีวิต แบ่งเป็น 4 หมวด เรียงตามลำดับความสูง กูอยู่หมวดสาม แม่งแบ่งตาม

ความสูงนี่ ยุติธรรมชิบหาย หมวดสี่ สูงแค่สะดือ หมวดหนึ่ง ถ้ามีวิ่งแข่ง หรือเตะ

บอล แม่งเลิกคิดจะชนะเลยมึงไอ้หมวดสี่ กูอยู่ลำดับ 52 จับคู่เป็นบัดดี้กับ 51



เรียงลำดับเสร็จ มีบัดดี้พร้อม โดนรับน้องเลย จับคู่บัดดี้แบกฟูกรอบสนามบอล ฟูก

ทหารไม่ได้ยัดด้วยนุ่นหรือฟองน้ำแต่แม่งยัดด้วยใยมะพร้าว หนักไม่หนักไม่รู้ แต่

ถ้ามึงหยุดวิ่งโอกาสโดนฟูกทับตายมีสูง กี่รอบจำไม่ได้แต่เหนื่อยเหี้-ๆ



วิ่งเสร็จก็มายืนแถว ชูฟูกเหนือหัว ฟังผู้หมวด ชี้แจง พูดอะไรก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียว แก

ก็พูดนาน นาน นาน นาน นานจนกูเกือบทิ้งฟูก แต่ประโยคสุดท้ายจำติดหูกูมาถึง

วันนี้ คือ



ยินดีต้อนรับสู่...




วิทยาลัยลูกผู้ชาย

อื้อหือ วิทยาลัยลูกผู้ชาย ฟังแล้ว ฮอร์โมนเทสโทนเทอโรน พุ่งสูงจนกูแทบชัก



กว่าจะได้ขึ้นโรงนอนได้เกือบตาย สภาพโรงนอนก็โล่งๆ มีเตียงสองชั้นเหมือนที่หอ

นั่นแหละ โชคดีกูได้เตียงล่างไม่ต้องปีนขึ้นกระโดดลง



ครูฝึกทหารใหม่ก็มี นายทหารที่เป็นผู้ฝึก 1 คน ยศร้อยโท เราเรียกว่า ผู้หมวด ที่

เหลือ ก็เป็นชั้นประทวนมีจ่าบ้างหมู่บ้าง 10 คน และพวกที่กูเกลียดที่สุด ก็พวกผู้

ช่วยครูฝึก ที่ดึงขึ้นมาจากทหารรุ่นพี่ พวกหัวกล้วยนี่เป็นเหี้-อะไรของแม่งกูไม่รู้

แม่งชอบวางอำนาจ ลงโทษรุนแรง ทั้งที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลย กูด่าแม่พวกสัตว์นี่

(ในใจ)บ่อยๆ แหละ ต่อไปกูจะเรียกพวกมันว่า พวกผู้ช่วยครู



กิจวัตรของพวกทหารใหม่ก็มี



5.00 น นกหวีดปลุก เก็บผ้าห่มพับมุ้งผ้าปูเตียงตึง คว้าขันผ้าเคล็ดตัวเข้าห้องน้ำ

ล้างหน้าแปรงฟัน เข้าส้วม และสวมเครื่องแบบให้เรียบร้อย ในเวลา 15 นาที

(แม่ง! 15นาที อยู่บ้านกูยังขี้ไม่เสร็จเลย)



5.15 น. จับคนช้า 5 คน คนช้าแสดงว่าเครื่องยังไม่ร้อน วิดพื้นเร่งเครื่องก่อน 50

ครั้ง เข้าแถวหน้าเสาธง แล้วกล่าวปฏิญาณตามหัวหน้าตอน "ไม่มีอะไร ที่ทหารใหม่

ทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ทำไม่ทัน" ไอ้เหี้-คนนะโว้ยไม่ใช่เทวดาจะได้ทำได้

ทุกอย่าง รวมแถวเสร็จก็เริ่มวิ่งวันละ 8-9 กิโล วิ่งเสร็จก็มากายบริหารอีก เป็น

ชั่วโมงแหละ



6.30 น. ทำความสะอาดหน่วยฝึก



7.00 น. แดกข้าว ทุกเช้ามีไมโลทุกวัน (มึงอย่านึกถึงไมโลที่ชาวบ้านชาวช่องเขา

กินกันนะโว้ย! นี่มันหางไมโลและหางนมข้นบวกกับเศษน้ำตาลบางวันแถมหนังยาง

มาด้วย )



8.00 น. ยืนตากแดดเคารพธงชาติ และเริ่มเข้าสู่นรกแห่งการฝึก



11.30 น. ขึ้นสวรรค์ (หากการขึ้นสวรรค์หมายถึงน้ำอุ่นๆ ในถังน้ำกลางแดด)



12.00 น. แดกข้าว



12.30 น. พักร้องเพลงทหาร เหมือนเพลงเชียร์อักษรแหละมึง ว่างๆ กูจะเขียนเนื้อ

เพลงมาให้มึงอ่าน



13.00 น. ฝึก (ถ้ามึงเรียกว่าการไปยืนต่างแดดยามบ่ายจัดสลับกับการวิ่งและเดิน

เรียกว่าการฝึก)



16.00 น. พักการฝึก เพื่อเตรียมตัววิ่งออกกำลังกาย



16.10 น. วิ่ง และกายบริหาร



17.30 น. แดกข้าวเย็น



18.00 น. อาบน้ำ



18.30 น. เตรียมตัวเรียนหนังสือ (จดตามคำบอก เช่น โทษของยาเสพติด คนดีใน

สังคมมีลักษณะอย่างไร ทหารที่ดีต้อง....แหวะ โคตรเอียน...แต่ก็ต้องจด

มีตรวจสมุดด้วยนะมึง เหมือนเด็กประถมแหล่ะ)



20.00 น. มีอาหารว่างก่อนนอน ไอ้เหี้- กูก็เรียกให้ดูดีเท่านั้นแหล่ะ ที่จริงมันคือ

ข้าวต้มมัด(ข้าวเหนียวใส่เศษกล้วยห่อใบตอง ไม่มีกระทิ ดิบมั่งสุกมั่ง รสชาติ

เหมือน..แทะรองเท้าแตะ) มัดละ 5 บาท ลูกชิ้นผ่าครึ่ง(จริงๆ) ห้าเสี้ยว 5 บาท เนี่

ยะมันเป็นอาหารประเภทเนี่ยะ



เรียกว่ากินกันตาย (ต้องซื้อให้หมดด้วยนะโว้ย หากไม่หมด คนขายก็คือพวกจ่า

พวกหมู่นั้นแหละจะบังคับซื้อให้หมด ถ้าไม่หมดก็เตรียมเหนื่อยก่อนนอน) อ้อ น้ำ

นมถั่วเหลืองโยอีก 7 บาท ทั้งหมดลงบัญชี หักจากเงินเดือน



(เงินเดือน 2 เดือนแรกรู้สึก จะประมาณ พันสอง เบี้ยเลี้ยงวันละ 50 หักค่าข้าว วัน

ละ34 บาท ก็จะเหลือ 16 บาท แต่ขอโทษ 2 เดือนกูไม่ได้จับเงินซักบาท เขามีกฎ

ห้ามมีเงิน กลัวทหารหนี)



20.30 น. เข้าห้องน้ำ ไปขี้ ไปเยี่ยว ขึ้นโรงนอน เตรียมตัวนอน



20.50 น. สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา และกล่าวคำปฏิญาณตน "ตายในสนามรบ

เป็นเกียรติของทหาร ตายซะดีกว่าที่จะละทิ้งหน้าที่" พวกเรามักจะดัดแปลง

เป็น "ตายในสนามรบ เป็นศพของทหาร ตายซะดีกว่าที่จะอยู่ที่นี่"



21.00 น. เป่านกหวีดปิดไฟนอน หมดไปวันหนึ่ง พรุ่งนี้จะโดนอะไรไม่รุ้



นี่คือกิจวัตรที่เป็นไปตลอดสองเดือน แต่ก็มีบางอย่างเปลี่ยนไปบ้าง อย่างการปลุก

มาแดกน้ำค้างมองพระจันทร์วันเพ็ญ เรียกความฟิตตอนดึก อะไรแบบนี้ (ถ้ากูไม่ขี้

เกียจพิมพ์ จะเล่าให้ฟัง)



อาทิตย์แรก เนื้อตัวกูเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นจับบิด แม่งปวดเมื่อยทั้งตัว กูแม่ง

นั่งขี้แทบไม่ได้ ขึ้นโรงนอนก็ค่อยๆ คลานขึ้น มันระบมทั้งตัว



เป็นทหารความเหนื่อยไม่ต้องถามถึง ที่นี่ไม่มีคำว่าค่อยเป็นค่อยไป ร่างกายใครไม่

ไหวก็กัดฟัน คนเหมือนกันโว้ย มึงไหวกูก็ต้องไหว มันอยู่ที่ใจจริงๆ



ไอ้รองเท้าวิ่ง(ผ้าใบ)ก็ดุยังกะหมา กัดกูอย่างไม่ปราณีปราศัย ขอบรองเท้าแม่งแข็ง

โคตร ยี่ห้อ Gold City มึงอย่าซื้อมาใช้เด็ดขาด ส่วนรองเท้าคอมแบทก็ดูแลยังกะ

ลูก ทั้งขัดทั้งชะโลมกีวีให้หนังมันนิ่ม ทหารราบตีนสำคัญกว่าใบหน้า หน้าแหกยัง

เดินได้แต่ตีนเจ็บโอกาสจะตายมีสูง ดังนั้นรองเท้าต้องดูแลอย่างดี



เคล็ดแม่ง!;..กูซวยโคตร รองเท้าผ้าใบกัดกูส้นเหวอะ สวมเหี้-อะไรไม่ได้นอก

จากรองเท้าแตะ เวลาวิ่งลำบากชิบหาย กว่าแผลจะหายก็เป็นสิบวัน บางคนเป็น

เดือนแผลก็ยังไม่หาย





ทรมานชิบหาย สามวันแรกกูนั่งขี้แทบไม่ได้ ขี้ไม่ออก จนรู้สึกว่ากลิ่นเหม็นเหมือน

จะออกมาทางรูขุมขนเลยว่ะ ส้วมแม่งก็ไม่มีกลอนเว้ย นั่งๆ อยู่มึงต้องคอยใช้มือ

ดันประตูไว้ เพื่อนบางคนแม่งก็ขี้แกล้ง เดินมาถีบประตูเปิดแล้วเดินหนี สภาพตอน

เช้านะ มึงนึกภาพนะ มีเวลา 5 นาที ห้องน้ำมี 8 ห้อง เต็ม 2 ใช้ไม่ได้ 1 เหลือ 5

ห้อง



มึงคิดดู ส้วม5 ห้องกับคน 90 คน นะ จะวุ่นวายขนาดไหน แต่ละห้องจะมีคนต่อคิว

4-5 คน รอไปแปรงฟันไปด่าแม่คนอยู่ข้างในไป กูก็เคย แบบ นั่งขี้อยู่ มือหนึ่งดัน

ประตู มือหนึ่งแปรงฟัน ท้องก็เบ่งขี้ไป มันส์ชิบหายเลยมึงเอ๊ย



ส่วนมากตอนเช้าไม่ค่อยจะได้อาบน้ำกัน โธ่! กะอีแค่ล้างหน้าแปรงฟันยังแทบจะ

ไม่ทัน วันหนึ่งอาบหนเดียวคือหกโมงเย็น ตอนอาบน้ำนี่ ไม่มีหรอกที่จะอาบแบบ

ชาวบ้านเขาตามปกติ



ห้องน้ำยาวซัก 15 เมตร แบ่งเป็นสองส่วน ด้านในเป็นส้วม ด้านนอกก่ออิฐสูง

ประมาณเมตรกว้างเมตรครึ่ง ยาว 5 เมตร ทำเป็นอ่างน้ำ ที่มันแคบยังงั้น เวลาอาบ

ทีต้องอาบทีละหมวด หมวดไหนอาบก่อนก็สะบาย ตักได้เต็มขันและน้ำใส หมวด

สุดท้ายไม่ต้องพูดถึงน้ำขอดอ่างและตะกอน



แต่ละหมวดอาบได้ไม่เกิน 2 นาที ทิ่มแปรงสีฟันเข้าปากขยับซ้าย 3 ที ขวา 3 ที

บ้วนปาก ตักน้ำราดตัวโครมๆ 5 6 ขัน ฟอกสบู่ รักแร้ที ขาหนีบที หัวกล้วยที ตัก

น้ำล้างสบู่ แค่นี้ก็แทบจะไม่ทัน 2 นาที บางวัน ไอ้พวกผู้ช่วยครูก็ไห้อาบสิบขันเราก็

ต้องทำตามมัน บางทียังไม่ล้างสบู่มันก็ให้วางขัน แม่งเอ้ย คันคะเยอไปทั้งคืน



มันจะมันส์ก็ตรงกิจกรรมก่อนจะอาบน้ำนี่สิ หมวดไหนจะได้อาบก่อนก็ต้องมีวิธีการ

เลือก ปกติก่อนอาบน้ำก็ต้องแก้ผ้าเตรียมไว้ก่อนอยู่แล้ว มันก็มีวิธีเลือกหลายวิธี

อย่าง



1. หมวดไหนมีคนกล้วยใหญ่สุดได้อาบก่อน ถ้ากติกานี้หมวดหนึ่งได้อาบก่อนใคร

ก็ไอ้เหี้-บางคน แม่งไปฉีดมาโว้ย กูเห็นยังกลัวเลย กูว่าแม่งท่อนแขนดีๆ นี่เองมัน

บอกเคยไปเที่ยวแล้วอีตัวไม่รับ ส่วนกูเท่าที่เทียบกับคนอื่นนะ อืม!!!!! คิดว่า

มาตรฐานว่ะ ฮะ..ฮะ..ฮะ (มึงอย่าคิดว่าตัวใหญ่แล้ว กล้วยแม่งต้องใหญ่ตามนะโว้ย

มึงดูไอ้ดิดดิ แม่งใหญ่แต่ตัว ส่วนอื่นเท่านิ้วชี้)





2. หมวดไหนกล้วยจะขยายเร็วสุด โดยห้ามใช้มือปั่น ยืนแก้ผ้าเข้าแถวตอน แล้วก็

ยืนคิดโว้ย มึงก็จินตนาการไปดิ นางเอก นางแบบ ใครก็ได้ที่แม่งสวยๆ ก็ยืนไป

ขมิบไปจินตนาการไป กูว่าแม่งเมื่อยมากกว่า กติกานี้จินตนาการแม่งต้องเลิศ และ

ไม่ค่อยมีหมวดไหนผูกขาด ส่วนมากก็ผลัดกันชนะ





3. หมวดไหนจะมีลีลาถูกใจสิบเวรมากที่สุด ลีลาก็ไม่ใช่ลีลาห่าอะไรหรอก ถ้าพูด

แบบสุภาพก็แบบกาลามสูตร ถ้าพูดภาษาทหารก็แบบท่าคนเอากัน ก็ส่งตัวแทน

ออกมาหมวดละคู่ แต่ละคู่ก็โชว์ท่าที่คิดว่าเด็ดสุด งัดแม่งมาหมดแหละไอ้

ธรรมดาๆ อย่าง Crawl , Missionary หรือ Futon น่ะเด็กๆ เก็บไว้ใช้คนเดียว ทั้ง

คนสั่งคนทำ แม่งจัญไรจริงๆ



(ใครไม่รู้ว่า Crawl, Missionary หรือ Futon นี่คืออะไร ถามไอ้ตุ๊กได้ ไอ้นี่มัน

เชี่ยวชาญ)

เป็นต้น (มีอีกมากอุบาทว์จัญไรอัปรีย์สีกระบาลกว่านี้อีก)



เห็นไหมกว่าแม่งจะได้อาบน้ำแต่ละทีมันไม่ธรรมดา นี่แค่ขั้นเตรียมตัวก่อนอาบนะ

โว้ย ในห้องน้ำก็มีวิธีอาบเหมือนกัน เช่น



เล่นรถไฟคน แก้ผ้านั่งเป็นแถวตอนหันหน้าไปทางเดียวกัน คนข้างหลังสอดขาเข้า

สะเอวคนหน้า หนีบขาไว้ กล้วยชนหลังเพื่อนข้างหน้า ใช้มือสองข้างยันตัวไว้แล้วก็

เขยื้อนๆไปข้างหน้า มีพวกผู้ช่วยครูคอยสาดน้ำ บางเวลาก็ให้ใช้ส้นตีนเอ้ยขอ

โทษ ส้นเท้า บี้ไปที่กล้วยของคนข้างหน้า ก้นถูไปกับพื้นปูน เคล็ดแม่ง เจ็บโคตร



อาบน้ำแบบสามัคคี คน 90 คน ลงอ่างอาบน้ำให้หมด ไอ้สัตว์ คิดได้ยังไง อ่างก็

เล็ก แต่แม่งก็ลงได้ว่ะ คนตัวเล็กถูกบีบแทบแบน เนื้อแนบเนื้อ ก้นแนบก้น กล้วย

แนบกล้วย คงมีหลายคนที่ใยกล้วยพันกันกูว่า




นี่แค่การอาบน้ำในห้องน้ำนะ อาบน้ำนอกสถานที่ก็มี หลังหน่วยฝึกจะมีสระน้ำอยู่

สระ ใครไปฝึก รด.ที่เขาชนวัว คงเคยเห็นสถานีที่ต้องไต่เชือกเส้นเดียวข้ามลำน้ำ

สระนั่นแหละ



สระก็ไม่ใช่สระปกติ แต่มันคือสระบัว ไม่ใช่บัวแดงที่ก้านหรือต้นมันลื่น ๆ แต่นี่มัน

เป็นบัวหลวง เต็มพรึดทั้งสระ ทั้งก้านทั้งต้นทั้งใบ มีหนามเล็กๆ ขึ้นเต็ม



"พวกมึงจะอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์หรือ ได้ กูอนุญาต" สิบเวรว่าอย่างนั้น



แล้วให้ตั้งแถววิ่งไปสระซึ่งห่างประมาณ 300 เมตร และแน่นอน แก้ผ้า ผ้าขาวม้า

พันคอ วิ่งโทงๆ มึงนึกดูเวลาวิ่งทั้งกล้วยทั้งไข่มันก็แกว่งกระทบหน้าขาดังเปาะ

แปะๆ เจ็บชิบหาย ถ้าใช้มือกุม มันก็วิ่งไม่ทันเพื่อน กว่าจะถึงสระก็ระบม



ถึงสระ..



ยืนแถวหน้ากระดานริมสระ พอได้ยินเสียงนกหวีดก็โผลงน้ำ



แทบสะดุ้ง เคล็ดแม่งเอ้ย ก็หนามบนก้านบัวนะสิ จะถอยหลังก็ไม่ได้จำใจต้องลุย

น้ำขึ้นไปอีกฝั่ง มือหนึ่งแหวกทาง มือหนึ่งกุมกล้วยไว้ ส่วนอื่นบาดเจ็บช่างมัน

กล้วยต้องอยู่ก่อน ทั้งแข้งขาและลำตัวโดนก้านบัวข่วนเป็นริ้วๆ ลายพร้อยทั้งตัว ใน

ใจก็ด่าพ่อล่อแม่ไอ้คนเสนอความคิดขออาบน้ำนอกสถานที่ ไอ้สัตว์อยู่ดีไม่ว่าดี



แล้วรอยข่วนของบัวนะ ทรมานเหี้-ๆ ห่มผ้าแทบไม่ได้ เพราะผ้าห่มจะติดแผล สวม

ชุดฝึกก็ลำบากเพราะกางเกงขายาวมัดเสียดสีกับรอยแผล ปวดน้ำตาเล็ด แป้งมีเท่า

ไหร่ชะโลมลงไป โชคดีอย่างเดียว คือกล้วยไม่เป็นไร



นั่นคือการอาบน้ำสระใหญ่ มีสระเล็กอีก



สระเล็ก ไม่ใช่สระ มันคือบ่อน้ำทิ้ง ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก บ่อน้ำทิ้ง ที่รองรับ น้ำ

เยี่ยว น้ำล้างจาน น้ำล้างส้วม และล้างอะไรอีกสองสามอย่าง สถานภาพมันดีกว่า

หลุมขี้หน่อยเดียว



สระเล็กกว้างซัก 4X4 เมตร ลึกประมานเมตร รองรับคลองส่งน้ำเสียที่กว้างซัก 50

เซ็นฯ มาจากห้องน้ำและห้องครัว ไอ้คลองนี้ก็ยาวเกือบร้อยเมตรได้



ก็สิบเวรคนเดิมนั่นแหล่ะ ก่อนอาบน้ำก็บอกว่า จะพาไปแอบดูลูกสาวจ่าสินอาบน้ำ

ให้ไปกันเงียบแบบคลานไปเหมือนไปซุ่มโจมตีข้าศึก กูใจหายวาบ อีกแล้ว มา

ทำนองนี้เหนื่อยอีกแล้ว



พวกเราก็หมอบคลานไปเป็นแถวและแน่นอนแก้ผ้า มึงเอ๊ย!.ทรมานสัตว์ๆ คิดดู

พวกกูต้องคลานต่ำ และคลานต่ำก้นก็จะสูงไม่ได้ ถ้าสูงข้าศึกก็จะเห็น และพอก้น

ไม่สูงกล้วยก็ต้องติดพื้น ถลอกปอกเปิกหมดแหล่ะ ใครก้นสูงสิบเวรก็จะเดินไป

กระทืบก้นให้แนบดิน ช่วงที่เป็นหญ้าไม่เท่าไหร่ ไอ้ที่เป็นลูกรังนี่สิ ฮือ สงสาร

กล้วย



คลานลงไปในคลองน้ำทิ้ง ไม่ต้องห่วงเรื่องความเหม็น แถกเหงือกเถลือกไถลตาม

คลอง ระวังน้ำเข้าปากมั่ง ระวังตีนไอ้คนหน้าถีบยอดหน้าเอาบ้าง ระวังกล้วยมั่ง พอ

ไถลลงสระเล็กหมดทุกคน ก็เป็นการอาบน้ำและดำน้ำแข่งกัน ใครโผล่ขึ้นก่อนสาม

คนแรก ไปไถลตามคลองมาใหม่ แทบตาย เหม็นแทบอ้วก ยุงก็ชุมซ้ำยังแก้ผ้าอีก

เสียงยุงยังกะเสียงเครื่องบิน ยุงเมืองกาญจน์ ตัวเเม่งยังกะแมงวัน ต้องอยู่นิ่งๆ จะ

ยกมือไล่ยุงก็ไม่ได้ใครหยุกหยิก หรือหายใจแรง ถ้าสิบเวรได้ยินก็ซวย เขาบอกว่า

ฝึกความอดทนในการซุ่มโจมตี กูจะอ้วกหลายครั้ง เคล็ดแม่ง ผะอืดผะอม กูว่าถ้า

ใครอ้วกออกมาก่อน คงมีเพื่อนอ้วกตามมาไม่ต่ำกว่าสิบแหละ คืนนั้นกว่าจะได้นอน

ก็เกือบตีหนึ่ง



เฮ้อ!!!!!! แต่ก็รอดมาได้..



นี่กูเล่าแค่การอาบน้ำนะ ซึ่งที่จริง วิธีอาบน้ำยังมีอีกแยะ ลูกเล่นของสิบเวรแต่ละ

คน ไม่ซ้ำกัน ยังมีอีกมากที่กูอยากเล่า(ถ้ามึงคิดว่ามึงอยากฟัง) อย่าง



กินข้าว -ฝึกวิ่ง – เดิน – ยิงปืน – แทงใกล้ – แทงไกล –ผี-ปิศาจ-อูยเยอะแยะ ไอ้

กิจกรรมพวกนี้ไม่มีหรอกที่จะเหมือนชาวบ้านเขาน่ะ ไว้ว่างๆ กูจะเล่าให้ฟัง กูขี้เกียจ

พิมพ์โว้ย เสียเงินเสียทอง



โชคดีมึง





ตองหนึ่ง





ประสบการณ์ชีวิตกู ในช่วงสองเดือนของการฝึก ให้อะไรกูมาก ความแกร่งหนึ่งล่ะ

ความเป็นนักสู้หนึ่งล่ะ ต้องกัดฟันสู้กับความเหนื่อยยากทั้งกายและใจ ได้เรียนรู้ถึง

ความอดทนอดกลั้นของจิตใจ จากคำก่นด่าคำเยอะเย้ยถากถางสบประมาท ได้รับรู้

ถึงความรู้สึกหิวโหย อ้างว้าง ท้อแท้ ซาบซึ้งในรสชาติของคำว่าเพื่อน ได้เห็นถึง

ธาตุแท้และความเห็นแก่ตัวของคนบางคน



และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ได้รู้ว่า จิตใจเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ

จิตใจเป็นพละ

กำลังที่แข็งแกร่งกว่าร่างกาย และกว่าสิ่งใดทั้งหมด บางเวลาที่กูหมดแรงแทบจะ

เดินไม่ไหว เหนื่อยสายตัวแทบขาด ทั้งหมวกเหล็ก ปืน เป้ ที่ถืออยู่มันช่างหนัก

เหมือนแขวนโลกทั้งใบไว้กับตัว ในภาวะที่ร่างกายแย่สุดสุดแบบนี้ ที่รอดมาได้ก็

เพราะจิตใจที่เข้มแข็งที่เป็นตัวกระตุ้นให้กูสู้ต่อไป คนที่ไม่เคยผ่าน "กระบวนการ

กดดัน บีบคั้น เพื่อทดสอบพลังกายพลังใจ" ไม่เคยผ่าน "วิทยาลัยลูกผู้ชาย" คง

ยากที่จะเข้าใจสภาพเช่นนี้ได้



ครั้งที่แล้วกูเล่าถึงการอาบน้ำใช่ไหม กูคิดอะไรออกก็เล่าไปตามที่กูคิดแหละ ไม่

ได้เรียงลำดับ ถ้างง ก็ช่างหัวมึง



ครั้งนี้กูจะเล่าถึงการแดกข้าวมั่ง



ต่อไปนี้คือเรื่องจริงที่โลกต้องรู้ถึงความอุบาทว์ของกองกำลังพลชนกลุ่มน้อย ตาม

แนวตะเข็บชายแดน ไทย-พม่า





เริ่มมื้อเช้าก่อน เมนูส่วนมากจะเป็นต้มจืดหรือจับฉ่าย ที่เจอบ่อยก็มี ไข่น้ำ

(เจียว

ไข่เสร็จ ซอยหรือสับเป็นชิ้นเล็ก โยนลงในหม้อน้ำซุบ ผักชี ต้นหอม เนี่ยวิธีทำไข่

น้ำ) ต้มฟักโครงไก่ (ฟักก็ปอกเปลือกมั่งไม่ปอกมั่ง หั่นเล็กบ้างใหญ่บ้างตาม

อารมณ์คนหั่น โครงไก่ก็สักแต่ว่าสับเสร็จก็โยนลงหม้อ จบ) จับฉ่าย (ผักล้วนๆ

อย่าหวังว่าจะมีชิ้นหมู ถ้าวันไหนในถาดมีมันหมูติดมาด้วยวันนั้นโชคดีตลอดวัน)



มื้อเช้ามีไมโลด้วยคนละแก้ว เวลาแดกข้าวมีถาดหลุมคนละใบ แต่ละหมวดผลัดกัน

จัดเวรเลี้ยง ก็ตักข้าว กับข้าว น้ำปลาพริก(หรือน้ำต้มกระดูกหมาใส่เกลือก็ไม่รู้)

ใส่

ถาดหลุม วางไว้บนโต๊ะ รอเพื่อนมาแดก ส่วนช้อนของใครของมัน ต้องมีช้อน

ติดกระเป๋ากางเกงไปตลอดด้วยตลอดเวลา ใครทำหายก็แดกมือไป ช้อนก็ใช่ว่าจะ

สะอาดนะ ตกดินมั่ง ลงน้ำครำมั่ง ก่อนกินเพื่ออนามัยที่ดีเราก็เช็ดกับเสื้อสองสาบ

แผล่บ ก็สะอาดแล้ว





การกินนี่แหละ เสมอภาคที่สุด ทุกคนตั้งแต่หัวหน้าแก๊งค์ ยัน ไพร่ราบพลเลวต้อง

แดกข้าวหม้อเดียวกัน กับเหมือนกัน จะต่างก็ตรงที่ ถ้าวันไหนมีแกงไก่ใส่มะเขือ

พวกหัวหน้าแก๊งค์ ก็จะได้กินไก่ ส่วนไพร่ราบพลเลวก็แดกมะเขือไป





ในบางวันพวกผู้ช่วยครูมันจะสั่งให้เทไมโลลงถาดข้าว เทกับข้าวผสม ปนๆ กัน

เละๆ เหมือนอ้วกหมาน่ะแหละ ผอืดผอมขนาดไหนก็ต้องแดก ไม่งั้นไม่มีแรง แล้ว

ไอ้พวกนี่เป็นเหี้-อะไรก็ไม่รู้นะ ชอบบังคับให้แดกข้าวหมดถาด



อ้อ! เล่าข้ามไป ก่อนแดกก็ต้อง ขัดฉาก ก่อน ขัดฉาก ก็คือ ยื่นมือทั้งสองข้างออก

มาข้างหน้าแล้วงอข้อศอกเข้าหากัน ใช้มือขวาตบไปที่ข้อศอกของมือซ้ายให้เสียง

ดัง ตัวตรง (ใครเรียน ร.ด. มาต้องรู้) แล้วเวลาขัดฉากต้องพร้อมกันนะเว้ย หากได้

ยินคนละแปะ สองแปะ ล่ะก็ ข้าวมื้อนั้นแทบไม่ต้องแดก ขัดฉากอยู่นั่นแหละ ขัด

ฉากเสร็จก็ต้องกล่าว



"ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก มีมากนักหนา สงสารชาว

นา เด็กตาดำๆ ขอขอบคุณชาวนาทุกคน ที่ปลูกข้าวให้เรากิน เราจะกินไม่ให้เหลือ

แม้แต่เม็ดเดียว" แล้วค่อยเอาฉากลง และถึงลงมือกิน บางหนแม่งก็แกล้ง เราขัด

ฉากเสร็จ ก็ไม่ยอมสั่งเอาลง อบรมอยู่นั่นแหละ มือก็เมื่อยจนสั่น จะทำอะไรแม่งก็

ไม่ได้นอกจากด่าในใจ



เวลากินห้ามเกิดเสียงดัง ถ้าได้ยินช้อนกระทบถาดดังเบาๆ ล่ะก็ มันจะสั่งให้เก็บ

ช้อน และใช้มือ ถ้าใช้มือยังมีเสียงถาดกระแทกโต๊ะอีก แม่งก็สั่งให้แดกแบบหมา

คือมือขัดหลังก้มหน้าใช้ปากเลียและขย้ำข้าว แม่ง! ไอ้พวกนี่แม่งโรคจิต สิ่งไหนที่

ทำแล้วทหารลำบาก ทรมาน มันชอบ



ไอ้ถาดหลุมนี้ก็เหมือนกัน วันดีคืนซวย จ่าครูฝึกก็โวยวาย มันล้างถาดกันยังไงโว้ย

เม็ดข้าวแห้งยังติดขอบถาดอยู่เลย ถาดใบนิดเดียวล้างไม่สะอาดใช่ไหม งั้นพวกมึง

ไม่ต้องล้าง กินอิ่มแล้วนำถาดไปตากแดดริมถนนหน้าโรงเลี้ยง เดี๋ยวกูจะให้ลูกน้อง

กูล้างให้



กูนึกกลัวอยู่ในใจว่า มันจะมาไม้ไหนวะ และความจริงก็ปรากฏ ถาดทุกใบที่วาง

ตามริมถนนจะมีเศษอาหารติดอยู่ แล้วพนักงานทำความสะอาดก็ปรากฏ ทั้งคุณดำ

คุณแดง คุณด่างพร้อมลูกๆ พร้อมใจกันเก็บกวาดซะเกลี้ยงเป็นมันแผลบ หากมี

เครื่องล้างจานบางเครื่องมีเชื้อบ้า คงได้กลัวน้ำกันทั้งแก๊งค์

ถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป

ก็หยิบไปตักข้าวมากินโดยไม่ต้องล้างซ้ำ หึ…หึ…หึ… เครื่องล้างจานอัตโนมัติ ใคร

จะยืมไปใช้บ้าง ก็เชิญ



มึงจำได้ไหมตอนว้ากชาย รุ่นพี่ให้แดกเงาะลูกเดียวเราสะอิดสะเอียนกันแทบตาย

แต่อยู่ที่นี่เป็นเรื่องปกติ เวลาฝึกล้มลุกคลุกคลานกลางแดดแผดเปรี้ยง คอแห้งเป็น

ผง ยังไม่ถึงเวลาพักแดกนำไม่ได้ แต่มีไอ้บ้าคนหนึ่งสำออย ขออนุญาตแดกน้ำ

ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ (พวกเราจะถูกสั่งให้ทำเป็นเวลา จะขี้ จะเยี่ยว แดกน้ำอะไรนี่

ต้องนอกเหนือเวลาฝึก) วันนั้นจ่าครูฝึกก็ใจดีให้กินได้ แต่ ต้องกินทุกคน

จับคู่บัดดี้

ใครเลขคี่ ให้เป็นคนไปเอาน้ำมาให้คู่ตัวเองกินก่อน และแน่นอนไม่มีแก้ว ไม่มี

ภาชนะอะไรทั้งสิ้น มีอยู่อย่างเดียว ก็ปากและกระพุ้งแก้มของเรานี่ไง ก้มหน้าดูด

น้ำจากถังเต็มปากกลืนครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งนำไปป้อนบัดดี้ที่นั่งอ้าปากเป็นลูกนก

รอน้ำจากเราอยู่ มึงเอ๊ย มีการสั่งให้กลั้วคอด้วยนะ โชคดีที่กูเลขที่ 51

เป็นผู้ป้อน

ไม่ใช่ผู้ถูกป้อน….



ถ้าวันไหนพวกจ่าครูฝึกไม่มีอะไรเล่นก็หันไปเล่นขั้นพื้นฐาน อย่างฝึกๆ อยู่ แกก็

ปลิ้นลูกอมออกจากกระเป๋าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และตะโกนถามว่า ใครจะอมฮอลล์

มั่ง ถึงขั้นนี้แล้วมึงจะเงียบหรือตอบรับก็มีผลเหมือนกันคือ แดกฮอลล์ เม็ดนั่น

แหละ ไอ้ของเล่นพวกนี่ก็มีเรื่อยๆแหล่ะ ฮอลล์มั่ง น้ำแข็งมั่ง เถาบรเพ็ดมั่ง

พริกมั่ง

แต่ที่เด็ดสุดก็คือ หมากฝรั่ง เคี้ยวคนละ 5 ครั้ง แล้วส่งต่อ อี๋…แน่นอน ห้ามใช้มือ

ช่วย อยู่สองเดือน กูแทบจะจำรสชาติริมฝีปากและน้ำลายของบัดดี้กูได้



ตอนแดกข้าวถ้าเจอสิบเวรดี ก็ได้กินเหมือนสามัญชน ถ้าเจอพวกจิตวิปลาสก็

เหนื่อยกว่าจะอิ่ม มื้อไหนมีไข่พะโล้ สิบเวรก็จะใจดียกไข่ในถาดของแกให้พวกเรา

ใบเดียวนั่นแหละ แดกไปเหอะทั้ง 90 คน คนแรกไม่เท่าไหร่อมเข้าไปในปาก

แล้วออกมากัดไข่ขาวนิดนึงแล้วส่งต่อ ไอ้คนกลางๆ และท้ายแถวนี่สิ ซวย ..เมื่อ

ไข่ขาวหมดจะเหลือไข่แดง และไข่แดงเวลาเจอน้ำลายก็แม่งยุ่ยง่าย ออกจากปาก

ทีมันจะเละ น้ำลายใครต่อใครก็จะยืดติดประสานกันเป็นก้อน แหวะ…



บางมื้อมีไข่ต้ม สิบเวรก็ห้ามปอกแดกแม่งทั้งเปลือกนั่นแหละ เวลาเคี้ยวยังกะเคี้ยว

ทรายเป็นกำมือ แต่ก็ดีรู้ว่าเปลือกไข่ก็แดกได้และรศชาติก็ดูดีกว่าหมากฝรั่ง

สามัคคีซะอีก



มื้อเช้ากับมื้อกลางวันไม่เท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเวลาให้สิบเวรเล่นมากนักเพราะเวลามัน

จำกัด ต้องฝึกตามเวลา แต่มื้อเย็นนี่สิ สุดยอด…..เล่นได้เต็มที่



บางเย็นสิบเวรก็ประกาศ เบื่อบรรยากาศโรงเลี้ยงโว้ย และเดินนำพวกเราไปหลัง

ส้วม



ใช่! หลังส้วม นั่งล้อมวงรอบหลุมแล้วเปิดฝาส้วมขึ้น หือ…เวลาเปิดฝาส้วมนะมึง

กองทัพแมลงสาบเป็นพันบินว่อน ไอ้คนไหนอยู่ใกล้หลุมมาก แมลงสาบก็รักคนนั้น

มาก ทั้งถาดข้าว เนื้อตัว ก็กลายเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวของมัน แล้วคำสั่งก็ตาม

มา ห้ามไล่แมลงสาบเพราะมันเป็นเจ้าถิ่น เจออย่างนี้ทำได้อย่างเดียวคือก้มหน้าก้ม

ตากินอย่ามองบรรยากาศรอบข้าง รีบกินรีบกลืนถ้าติดคอก็น้ำยัดตามลงไป เฮ้อ!

อิ่ม



บางเย็นก็สิบเวรคนเก่านั่นแหละ ก็ประกาศ วันนี้เราจะกินข้าวแบบเด็กที่ฟันยังไมขึ้น

กูสะดุ้ง อีกแล้ว วันนี้แดกข้าวลำบากแน่



ให้ทุกนายนั่งประจำที ตักข้าวขึ้นมาหนึ่งช้อนเคี้ยวให้ละเอียด แต่ห้ามกลืนให้คาย

ลงไปที่ถาดเหมือนเดิม เสร็จแล้วให้วิ่งออกนอกโรงเลี้ยง ตั้งแถวเข้ามาใหม่ ห้ามนั่ง

ประจำที่เดิม ซวยล่ะสิ ต้องแดกขี้ปากใครก็ไม่รู้ ดูในถาดนะ มันจะเป็นโจ้กเลยอะ

ข้าวละเอียด ผักละเอียด ถ้าเติมน้ำส้มหน่อยใช่เลย อ้วก..



บางเย็นก็กินแบบพระธุดงค์ ก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก ข้าว กับข้าว ของหวาน รวม

ในหม้อเดียว กลัวว่าจะไม่คลุกเคล้าเข้ากันเหรอ ได้ ให้ทุกนายมือล้วงลงใน

กางเกง เกาข้างซ้าย 3 ที ข้างขวา 3 ที แล้วก็ใช้มือข้างนั้นแหละ ล้วงลงในหม้อคน

ให้เข้ากัน 90 คน 90 มือ 180 ไข่ คนเสร็จก็ใช้สองมือกอบข้าวในหม้อนั้นใส่ถาด

ตน ห้ามใช้ช้อน วันนี้แดกมือ ในถาดมันก็จะเป็นข้าวเละๆ ผักชิ้นเล็กๆ เม็ดพริกจาก

น้ำพริก ที่ชุ่มเฉ่าด้วยน้ำเชื่อมของถั่วเขียวต้มน้ำตาล

ฮือ …กู สะอื้นในอก ใครหนอบอกเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว

เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เราจะเป็นครัวของโลก แต่อาหารที่กูจะกินในมื้อนี้มันช่างลำบาก

แสนเข็ญนักหนากว่าจะกลืนลงแต่ละคำ กู ถอนสะอื้น ถ้าเด็กน้อยผู้หิวโหย ชาว

เอธิโอเปียมาเห็นมันก็คงเบือนหน้าหนี



แม้ว่าช่วงมื้อเช้าเราจะไม่ค่อยโดนเล่นนักในเวลากินข้าว แต่ก็มีอยู่วันหนึ่ง

หลังจาก

ตื่นนอน วิ่งออกกำลังกาย กันแล้ว เราก็เล่นแถวชิดต่อ (เล่นแถวชิด – พวกที่เคย

เรียน รด. น่าจะรู้ ใครไม่รู้คราวหลังจะอธิบายให้ฟัง) เล่นแถวชิดเหนื่อยแทบราก

เลือดจวนได้เวลาแดกข้าว ครูฝึกจะปล่อยไปกินข้าวอยู่แล้วเชียว



แต่ไอ้เหี้- ตัวหนึ่งอยู่หมวด 4 เสือกยกมือขออนุญาตเข้าห้องน้ำ (ถือว่าผิด

มารยาทอย่างมหันต์) ครูฝึกก็เกิดพุทธิปัญญาขึ้น ให้ไอ้เหี้-นั่น ออกไปขี้หน้าแถว

เลย แม่งก็หน้าด้านออกไปจริงๆ (มันคงทนไม่ไหว) ยังหรอก ถ้าขี้หน้าแถวเพื่อนที่

อยู่ข้างหลังก็จะไม่เห็น บนนู้นเลย บนแสตนด์เชียร์ แม่งก็ขึ้น



ตอนนี้ขอบรรยายเป็นภาพสโลว์นะ และกรุณาอ่านช้าๆ และอ่านสอ
 

PlAwAnSaI

Administrator
ขอบคุณคับ หึๆ อ่านไว้ๆ สำหรับคนที่จะไปเป็นทหารเกณฑ์ ระเบียบสุดๆ รับน้องเรายังไม่ถึงเสี้ยวเลยแฮะ
smile.gif
แต่มันก็ได้อะไรๆ เยอะเหมือนกันนะ
 
Top