ความเป็นจริงของชีวิตและการใช้วิจารณญาณ

PlAwAnSaI

Administrator
lioneatelephant.gif


สิทธิเสรีภาพ ในการนำเสนอ และ วิจารณญาณในการรับชม
เหตุเนื่องจากน้องชายมาเล่าให้ฟังว่าได้อ่านกระทู้นึงจากเวปดังของเมืองไทย เจ้าของกระทู้ตั้งเพื่อตำหนิทีวีสาธารณะช่องใหม่ของเมืองไทย เนื่องจากสถานีดังกล่าวได้นำสารคดีชีวิตสัตว์มานำเสนอ เรื่องวัฎจักรสัตว์โลก ภาพการล่าของสิงโตหลายตัว รุมกินโต๊ะช้างที่น่าสงสารตัวเดียว
เจ้าของกระทู้ตำหนิสถานี ที่ออกอากาศภาพโหดร้ายแบบนั้น ให้ลูกเค้าได้รู้ ได้เห็น สิ่งที่ตามมาไล่หลังก็คือ ความเห็นของผู้อ่านอย่างเราๆ ท่านๆ ที่ส่วนใหญ่จะเข้ามาขำ และต่อว่าเจ้าของกระทู้ ซึ่งตอนแรกนั้นก็ยอมรับว่าได้คิดแบบผู้อ่านหลายท่านเช่นกัน

ความรู้สึกแรกนั้นก็คือ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ควรจะเป็นผู้สอนและแนะนำลูก ให้เข้าใจธรรมชาติที่เป็นจริง ในการดำรงชีวิตของสัตว์ฯ ซึ่งมันจะต้อง ดิ้นรน ต่อสู้เพื่อการยังชีพตามสัญชาตญาณของสัตว์ ตามกฎของชาร์ลส ดาร์วิน ที่ว่า ผู้ที่แข็งแรงเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด มันเป็นเรื่องของสัตว์เดรัจฉาน แต่สำหรับมนุษย์ ต่างจากการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า ตรงที่ มนุษย์ มีสมอง มีความคิด กอร์ปด้วย คุณธรรม ศีลธรรม มีกฎหมาย ระเบียบของบ้านเมือง สังคม ควบคุมเพื่อให้มนุษย์ร่วมกันได้อย่างผาสุข เพื่อคนที่แข็งแรงกว่า จะได้ไม่เบียดเบียน ข่มเหงคนอ่อนแอ คนที่ฉลาดกว่า จะได้ไม่หลอกลวง คดโกง คนที่ฉลาดน้อยกว่า วิถีชีวิตของสัตว์โลก...เหล่านี้ เราคงจะไม่ได้เห็นภาพสิงโตรุมกินช้าง ตามถนนหนทางทั่วไปเป็นแน่

killed.gif


แต่เราก็คง จะได้เห็น การ ตีชิง วิ่งราว การปล้น การฆ่ากัน การวางระเบิด การยิงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แถว สามจังหวัดภาคใต้ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ กันทุกวี่ทุกวัน
หรือจะเป็นภาพตบตีกัน จากละครหลังข่าว ก่อนข่าว การด่าทอ การเหน็บแนม หรืออาฆาตมากกว่าไม่ใช่หรือ? ที่อาจจะมีให้เห็นและสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน การมอมเมา ด้วยโฆษณาชวนเชื่อ หลอกให้ขาว หลอกให้สวย กันเกลื่อนกราดดาษดา หรือแม้กระทั่ง การจูงใจให้ใช้ของฟุ่มเฟือยที่ใกล้ตัวเหลือเกินในปัจจุบันนี้ เช่น โปรโมชั่นค่าโทรศัพท์มือถือ ที่เค้าว่าทู๊ก..ถูก..แสนถูก

เรื่องพวกนี้สิ ที่น่าจะต้องคอยชี้แนะ และตักเตือนมากกว่า เพราะมันถูกฝังหัวเราทุกวัน จนนึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปซะงั้น

แต่พอมาคิดดูอีกที การที่เจ้าของกระทู้ออกมาตำหนิสถานี นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด เค้ามีสิทธิ์ที่จะตำหนิ และท้วงติงสิ่งที่เขาคิดว่าน่ากลัว โหดร้าย สำหรับลูกหลานของเขา และก็หวังพึ่งสี่อสาธารณะให้เป็นตัวแทน ช่วยนำเรื่องราวที่เขาได้ตำหนิ ท้วงติง ผ่านไปให้สื่อนั้นได้รับรู้และแก้ไข

เพียงแต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่า เราจะมาหวังว่า สื่อจะต้องถูกเซนเซอร์ ปิดตาย หรือไม่ต้องออกอากาศอะไร แค่ผู้ใหญ่บางท่านคิดว่าอะไรควร อะไรไม่ควร มันไม่ใช่หรอก รายการหรือหนังหลายเรื่องที่ถูกเซนเซอร์ หรือไม่ให้ออกอากาศ ก็เพราะผู้ใหญ่บางท่านคิดว่า ไม่เหมาะ (ในความคิดของเค้า) แต่จริงๆ แล้ว ผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือ..ที่จะต้องเป็นผู้สอน แนะนำคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี อะไรที่ควรประพฤติ ปฎิบัติตาม หรืออะไรที่ไม่ควร เราเป็นผู้บริโภค เรามีสิทธิ์เลือก มีสิทธิ์คิด แม้จะเป็นเด็ก เค้าก็มีความคิดที่จะเลือก คราวนี้แหละเป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ ที่จะคอยอยู่ใกล้ๆ เค้า คอยแนะนำ ให้ความรู้เค้า ไม่ใช่แค่ภาพน่ากลัว โหดร้ายเท่านั้นหรอกนะ สิ่งรอบตัวเราทุกวันนี้ มันน่ากลัวและโหดร้ายขึ้นทุกที ภัยจากความเป็นโลกาภิวัฒน์ มันค่อยๆ คืบคลานเข้ามา และแฝงตัวใกล้เรา จนบางทีเราไม่รู้สึกตัว การโฆษณาชวนเชื่อขายสินค้าหลากหลาย ที่ในอดีตไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ การหล่อหลอมให้มองว่าหลายสิ่งถ้าไม่ใช้ จะเชย หรือ อยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าขาดไป ...สิ่งเหล่านี้ทั้งหลายนี่แหละ ที่เราต้องคอยระวัง เพราะมันค่อยๆ ซึมเข้าไป ไม่ใช่แค่เด็กหรอกที่ต้องคอยระวัง พวกเราผู้ใหญ่ เราๆ ท่านๆ นี่แหละ ที่หลงไปกับมัน แบบไม่ทันรู้สึกตัว...ก็ได้กลายเป็นทาสของมันไปซะแล้ว

Cr: สนามหลวง

แต่ละคนที่ฉันรู้จักล้วนแล้วแต่มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป บางคนร่ำรวย

แต่บางคนยากจน จนไม่มีจะกิน บางคนเป็นผู้ชาย อยากเป็นผู้หญิง

บางคนเป็นผู้หญิง ก็อยากจะเป็นผู้ชาย บางคนทำงานนิดหน่อยได้เงินเดือนเยอะ

บางคนทำงานแทบตาย เหงื่ออาบรินกาย ได้วันละ ร้อยกว่าบาท

มันช่างเป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ชีวิตแต่ละผู้คนมันมีอะไรไหมที่จะเหมือนกัน ต่างพ่อแม่ ต่างสถานที่เกิด

ต่างฐานะ ต่างๆ นาๆ
ลองมาไตร่ตรองดูแล้วแท้จริง "ชีวิตต้องการอะไร"

จากการที่เราได้รู้สึกคนหลายๆ คน หลากหลายอาชีพ ได้ข้อสรุปว่า ชีวิตหนึ่งๆ

นั้น เราต้องการ

1. ความสุข
2. ความสงบ
3. ความเยือกเย็น

1.

ความสุข = ความเป็นอยู่ที่มีความสุข อยู่อย่างไม่แร้งแค้น

แม้จะไม่ร่ำรวยมากนักก็ไม่เป็นไร เพียงแค่มีชีวิตอยู่อย่างไร้ภาระต่างๆ

เช่น ภาระหนี้สิน ภาระในการต้องส่งเสียลูกเรียนหนังสือ

ภาระในการรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน

แต่ความสุขของแต่ละคนก็ไม่ได้จัดให้ได้ลงตัวตามที่ทุกคนต้องการ

เพราะจะต้องมีบททดสอบจากเบื้องบน เข้ามาทดสอบทุกช่วงขณะของชีวิต

ตั้งแต่แรกเกิดถูกทดสอบโดยการที่จะต้องมีชีวิตรอดให้ได้

พอเริ่มเติบโตก็ถูกทดสอบให้ผ่านวิกฤตต่างๆ ของชีวิตเพื่อให้ชีวิตได้อยู่รอด

ต้องดิ้นรนทำงานเพื่อค้นหาตัวเอง และเมื่อใกล้บั้นปลายของชีวิต

ก็ค้นหาคนที่จะมาเป็นเพื่อนในยามแก่เถ้า

คนที่รู้ใจและอยู่เป็นเพื่อนกันนั่งคุยกันเรื่องความหลังครั้งเก่า

หรืออาจจะช่วยกันตะบันหมากกิน หรืออาจจะพากันเข้าวัดเข้าวา

2.

ความสงบ = อาจจะกล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ ความสงบสุข ของบรรยากาศในบ้าน

ในครอบครัว อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกันในเรื่องทรัพย์สมบัติ

มีความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ดูแลเอาใจใส่กัน

และอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

3.ความเยือกเย็น=

จะเกิดก็ต่อเมื่อเราได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากกว่าครึ่งชีวิต

หรือบางคนอาจจะค่อนชีวิต

ความเยือกเย็นจะเกิดจากการที่เราได้รับบทเรียนอันหนักอึ้ง และทุกข์ทรมาน

และสามารถจะผ่านจุดนั้นๆ มาได้โดยอาจจะล้มลุกคลุกคลาน

ทำให้เราได้เห็นสัจจะธรรม

ว่าชีวิตแท้จริงแล้วก็ได้ถูกทดสอบเพื่อทำให้แข็งแกร่ง เมื่อเวลานั้นๆ

ผ่านไป
แล้ว ความเยือกเย็นจะไหลเข้ามาแฝงกายอยู่ในตัวบุคคลนั้นเงียบๆ

ก่อเป็นกำแพงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนทำให้เขาคนนั้นมีความมั่นคงในอารมณ์

และทำให้ความคิดอ่านต่างๆ นั้นค่อนข้างมีความเยือกเย็นในอารมณ์

ทำให้การตัดสินใจอะไรบางอย่างค่อนข้างช้าและสุขุมเยือกเย็น

Cr: Aedjung
cool.gif
 
Top