เพื่อนๆ หลายคนอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการที่ทำเกรดไว้ตอนปริญญาตรีหรือตอนเรียนมปลายสำหรับน้องๆที่อยากเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองนอกได้ค่อนข้างน้อย ซึ่ง สิ่งต่างๆเหล่านี้เราไม่สามารถกลับไปแก้เกรดได้แล้ว เพื่อนๆก็ไม่ต้องไปนั่งมัวแต่กังวลนะครับ เพราะอย่างน้อยก็ยังพอมีทางออกที่จะแก้ไขข้อจำกัดให้ดีขึ้น ทั้งนี้ผมได้ทำสรุปจากบทความที่ผมอ่านมาและจากประสบการณ์ที่เคยรู้มาออกเป็น ทั้งหมด 5 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
1. ก่อนที่เพื่อนๆจะสมัครไปยังหลักสูตรใดหรือมหาวิทยาลัยใดนั้น หากเพื่อนๆ มีข้อจำกัดในเรื่องใดก็ตามไม่เฉพาะเรื่องเกรดเท่านั้น ขอให้สอบถามทางมหาวิทยาลัยให้แน่นอนก่อนว่า ถ้าสิ่งที่เรามีอยู่นั้นต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ทางเค้ากำหนดมา เราจะยังสามารถสมัครได้อยู่หรือไม่ เค้าจะรับพิจารณาหรือไม่ เพราะมีบางมหาวิทยาลัยนะครับที่หากว่าเรามีคุณสมบัติที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว เค้าจะไม่พิจารณาเราเลย แม้เราจะเสียเงินสมัครไปแล้วก็ตาม ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาเรื่องเกรด แต่มีปัญหาเรื่อง TOEFL คือคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ 1 คะแนน ผมสอบถามไปบางมหาวิทยาลัย บางแห่งเค้าบอกว่าเค้าไม่รับ ไม่พิจารณาใดๆทั้งสิ้น ในขณะที่บางแห่งก็บอกว่าผมสามารถที่จะสมัครได้ แต่ขอให้พยายามอย่างสุดความสามารถโดยไปสอบใหม่ก่อนถ้าเป็นไปได้
สำหรับกรณีของเรื่องเกรด ผมแนะนำให้เพื่อนๆ ว่านอกจากจะถามว่าเพื่อนๆสามารถยังสมัครได้หรือไม่หากเกรด ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แล้วลองถามดูว่า Average GPA และ GPA Range ของ ผู้สมัครรุ่นก่อนๆ เป็นอย่างไรบ้างและหากเป็นไปได้ผมแนะนำว่าให้เพื่อนๆขอคำ แนะนำเค้ามาด้วยว่าถ้าข้อจำกัดเราเป็นแบบนี้ มีวิธีทางไหนบ้างที่ทางมหาวิทยาลัยเค้าแนะนำเพื่อที่จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการตอบรับจากทางมหาวิทยาลัย
2. พยายามอัพโปรไฟล์ของเราโดยปรับคุณสมบัติที่เรายังสามารถปรับได้ให้ดีขึ้นเช่น การเพิ่มคะแนน GMAT มี ประสบการณ์ทำงานมากกว่าที่เค้ากำหนด โดยเฉพาะหากเพื่อนๆ เลือกเรียนในหลักสูตรที่ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้กำหนดให้ใช้ ประสบการณ์ทำงานในการสมัครแล้วนั้น การที่เราทำงานมาก่อนถือเป็นข้อได้เปรียบที่ดีครับ
ผมเคยอ่านเจอบทความนะครับว่า GMAT หรือ GRE ไม่สามารถนำไปชดเชยกับเกรดที่ต่ำได้ ซึ่งผมเห็นด้วยบางส่วน อย่างไรก็ตามผมมองว่าคะแนน GMAT และ GRE นั้นเป็นคะแนนบ่งชี้ว่าเราจะสามารถเรียนได้ดีมากน้อยแค่ไหนในชั้นปีแรกที่เราเข้าไปเรียน ดังนั้นหากคะแนน GMAT หรือ GRE ของเพื่อนๆสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของผู้สมัครรายอื่นๆแล้ว ผมเชื่อว่าบางมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้ยึดติดกับเรื่อง GPA มากเกินไปก็น่าจะหันมาพิจารณาใบสมัครของเพื่อนๆด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็อาจจะพยายามหา Recommendation Letter โดย เฉพาะอย่างยิ่งจากอาจารย์ที่เราเคยเรียนและสนิทด้วยให้ช่วยเขียนจดหมายแนะนำ ตัวให้เราครับ หากเป็นไปได้ ก็ควรใช้เวลาคุยกับอาจารย์ซักหน่อยว่าเรามีปัญหาเรื่องเกรดนะ มันเป็นอุปสรรคของเราในการเข้าเรียน อาจารย์จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนตัวผมมองแบบนี้นะครับว่า หากเพื่อนๆ มีโปรไฟล์ที่เพอร์เฟกต์อยู่แล้ว อันนั้นถือเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังไว้ อย่างไรก็ตามส่วนมากแล้ว คนเราไม่มีอะไรที่เพอร์เฟกต์หรอกครับ บางคนเกรดน้อย บางคน GMAT, GRE, SAT น้อย บางคนขาดประสบการณ์ทำงาน บางคนเขียน SoP, Essay ไม่ ดี เพราะฉะนั้นแล้ว หากว่าเพื่อนๆ สอบถามทางมหาวิทยาลัยและทางนั้นก็อนุโลมให้เราสมัครได้ นั่นหมายความว่าเพื่อนๆก็ยังมีโอกาสอยู่ ดังนั้นการปรับปรุงโปรไฟล์ในส่วนที่เรายังสามารถแก้ไขหรือพัฒนาได้นั้นจึง เป็นวิธีหนึ่งสำหรับเพื่อนๆ ที่อาจจะมีเกรดต่ำหรืออาจจะมีข้อจำกัดอื่นๆ ครับ ยิ่งเพื่อนๆมีเกรดที่ต่ำมากเท่าไหร่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ต้องทำงานให้หนักกว่าคนอื่นๆมากขึ้นเท่านั้น
3. อีกวิธีนึงที่อาจจะเป็นการแก้ไขปัญหาโดยตรงเลย แต่อาจจะต้องลงแรงลงเงินอยู่ก็คือการเรียนต่อปริญญาโทในประเทศก่อนเพื่อปรับ เกรด ปัจจุบันมีหลักสูตรหนึ่งปีที่เพื่อนๆให้เลือกอยู่บ้าง มันอาจจะแพงซักหน่อย แต่ถ้าเพื่อนๆ ตั้งความหวังเอาไว้ค่อนข้างสูงในการเข้ามหาวิทยาลัยในระดับสูง พอสมควรแล้วนั้น มันก็อาจจะคุ้มที่จะทำครับ ทั้งนี้ไม่ได้เป็นแต่เพียงการปรับเกรดเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมเพิ่มเติมความรู้ให้กับเพื่อนๆด้วยนะครับ นอกจากนั้นในกรณีที่เพื่อนๆเปลี่ยนสายการเรียนเช่น อาจจะจบวิศวะมา แต่อยากต่อไฟแนนซ์ แล้วเผอิญเกรดไม่ดีด้วยเนี่ย ก็อาจจะลองหาหลักสูตรเศรษฐศาสตร์การเงินที่เป็นหลักสูตรหนึ่งปีเรียนดู เพื่อที่ว่านอกจากจะเป็นการปรับเกรดแล้วก็ยังเป็นการค้นหาตัวเองแล้วก็ได้ เพื่อนใหม่ๆด้วยครับ ดีไม่ดี เพื่อนๆอาจจะค้นพบว่าชอบเรียนเศรษฐศาสตร์ไปเลยก็ได้
4. หลังจากสอบถามทางมหาวิทยาลัย และหากทางมหาวิทยาลัยอนุโลมให้เพื่อนๆสมัครได้แล้วนั้น อีกวิธีที่เพื่อนๆควรทำก็คือควรเขียนอธิบายไปว่าทำไมเราถึงได้เกรดน้อย อาจจะด้วยเหตุผลส่วนตัวเช่น ต้องทำงานหาเงินเรียนไปด้วย หรืออาจจะป่วย หรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ที่คิดว่าค่อนข้างมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ โดยปกติแล้วสำหรับในบางมหาวิทยาลัย เค้าจะให้โอกาสเราทำการเขียน Optional Essay คือ เขียนเป็นอีกหนึ่งหัวข้อขึ้นมาเลย แล้วใช้ในส่วนนี้เป็นโอกาสในการอธิบายว่าทำไมเราถึงได้เกรดน้อย อย่างไรก็ตาม หากเค้าไม่ได้บอกว่าให้เราเขียน Optional Essay เพื่อนๆก็อาจจะเขียนอธิบายลงไปใน Statement of Purpose ก็ทำได้เช่นกัน
นอกจากการอธิบายเหตุผลส่วนตัวแล้ว เพื่อนๆ อาจจะทำการอ้างโดยใช้เหตุผลว่าในปีแรกๆอาจจะทำเกรดได้ไม่ค่อยดี แต่หากคิดเฉพาะเกรดของวิชาเอกที่เพื่อนๆเรียนหรือคิดเฉพาะสองปีสุดท้ายแล้ว ได้เกรดสูงมาก นอกจากนั้นก็อาจจะเทียบเกรดเราให้ทางมหาวิทยาลัยเค้าเห็นว่าเกรดของคณะที่เพื่อนๆ เรียนนั้นค่อนข้างถูกกด โดยอาจจะแสดงว่าแม้ว่าจะได้เกรดเพียงแค่ 2.7 แต่ก็อยู่ในเปอร์เซนต์ไทล์อันดับที่ 80 ของรุ่น เป็นต้น
5. ทางเลือกสุดท้ายที่ผมอยากจะแนะนำให้ทำหลังจากที่พยายามทำข้อแนะนำอื่นๆ มาทั้งหมดแล้ว ก็คือ การเลือกมหาวิทยาลัยให้เหมาะสมกับระดับของเราเอง โดยอาจจะลดระดับความยากในการเข้าในมหาวิทยาลัยนั้นๆลงมา เพื่อให้เหมาะกับโปรไฟล์ที่เรามีอยู่
หวังว่าบทความในส่วนนี้คงเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ได้พอเห็นโอกาสของตัวเองในการเข้า สู่มหาวิทยาลัยที่ต้องการนะครับ สำหรับน้องๆที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เกรดนั้นเป็นอีกเรื่องสำคัญในการเรียนต่อ ดังนั้นในเมื่อน้องๆ ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาและปรับเกรดตัวเองให้สูงขึ้น รีบทำเถอะนะครับ เพื่ออนาคตของตัวน้องๆเอง โชคดีครับ
It looks like you're new here. If you want to get involved, click one of these buttons!